การติดตามผลโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ
Publisher
Issued Date
2002
Issued Date (B.E.)
2545
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
138 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b114303
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
อรุณลักษณ์ รัตนสาลี (2002). การติดตามผลโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/652.
Title
การติดตามผลโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ
Alternative Title(s)
Follow-up study of the training project on natural health care
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษารื่องการติดตามผลโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติของสำนักงานคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน กระทรวงสาธารณสุข โดยศึกษาการนำความรู้และทักษะจากการฝึกอบรมไปประยุกด์ใช้ประ โยชน์ในการพัฒนาตนเองและพัฒนางานและปัญหาอุปสรรค ตลอดจนความต้องการและข้อเสนอแนะของผู้เข้าอบรมต่อการปรับปรุงโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ
กลุ่มประชากรที่ใช้ศึกษาครั้งนี้คือ บุคลากรสาธารณสุขที่เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2541-2542 จำนวน 2 รุ่น รวม 100 คน หลังจากได้ทดสอบแบบสอบถาม 20 ราย คงเหลือประชากรที่เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถามส่งทางไปรษณีย์จำนวน 80 ราย การเก็บรวมรวมข้อมูลได้ดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2545 และได้รับแบบสอบถามคืนมาสมบูรณ์และใช้ได้จำนวนทั้งสิ้น 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.5 ของประชากรทั้งหมดและสถิติที่ไช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผู้เข้าอบรมส่วนมากเป็นเพศหญิงมือายุเฉลี่ย 36 ปี ส่วนมากการศึกษาระดับปริญญาตรี และปฏิบัติงานในตำเหน่งนักวิชาการสาธาธารณสุข ปัจจุบันร้อยละ 70 ยังคงทำงานเกี่ยวข้องกับงานสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย งานส่งเสริมสุขภาพเบบไทย หรือการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ ในขณะที่ร้อยละ 30 ได้เปลี่ยนไปทำงานด้านอื่น ๆ และหลังสำเร็จการฝึกอบรบรมใด้รับความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือ วารสาร และหนังสือพิมพ์ มากที่สุด
2. ผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 ได้นำความรู้และเทคนิคจากหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง โดยมีระดับการนำความรู้ในแต่ละหมาดวิชาไปประยุกต์ใช้ประ โยชน์ในระดับ
3. ผู้เข้าอบรมร้อยละ 100 ได้นำความรู้และเทคนิคจากหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง โดยมีระดับการนำความรู้ในแต่ละหมวดวิชาไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในระดับปานกลาง ปัญหาอุปสรรคที่ผู้เข้าอบรมประสบจากการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ คือ ปัจจัยภายในตนเองที่เกิดจากขาดการจัดการพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพตนเอง ไม่มีเวลา ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการปฏิบัติ และปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
4. ผู้เข้าอบรมร้อยละ 91.4 ได้นำผลของการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนางาน คือ ได้ริเริ่มโครงการหรือกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพร้อยละ 90.6 ได้รับการติดต่อให้ให้ไปเป็นวิทยากรร้อยละ 52.9 และให้มีการจัดตั้งกลุ่ม ชมรมเครือช่าย ร้อยละ 41.5 ปัญหาร ปัญหาอุปสรรคที่พบในการพัฒนางาน คือ ไม่มึงบประมาณสนับสนุนร้อยละ 69.8 ขาดวิทยากรในการฝึกอบรมที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะร้อยละ 67.9 และนโยบายของหน่วยงานไม่ชัดเจนร้อยละ 62.2
5. ผู้เข้าอบรมร้อยละ 83.9 มีความคิดเห็นต่อการจัดฝึกอบรมว่ามีความเหมาะสม ในขณะที่ร้อยละ 16.1 ตอบว่าควรปรับปรุง เช่น ควรปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรและวิธีการคัดเลือกผู้เข้าอบรม สำหรับความต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการสาธารณสุขมูลฐานให้การสนับสนุนคือ 1) จัดให้มีโครงการฝึกอบรมหลายรุ่น / ปีและสามารถเบิกค่าลงทะเบียนได้ 2) จัดฝึกอบรมเนื้อหาวิชาและเทคนิคใหม่ ๆ เพิ่มเติม และ 3) จัดทำเอกสารวิชาการเผยแพร่ ตามลำดับ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2545