Lesson learned from public participation process in strategic environmental assessment of electrical power development in Southern Thailand
Issued Date
2022
Issued Date (B.E.)
2566
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
eng
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
227 leaves
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b215487
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Rights Holder(s)
Physical Location
National Institute of Development Administration. Library and Information Center
Bibliographic Citation
Citation
Nalinee Hajima (2022). Lesson learned from public participation process in strategic environmental assessment of electrical power development in Southern Thailand. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6593.
Title
Lesson learned from public participation process in strategic environmental assessment of electrical power development in Southern Thailand
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
This research aims to study people participation process for the Strategic Environment Assessment (SEA) of electrical power development of southern Thailand as well as the benefits, problems and obstacles in order to have lesson learned from the participation process. This research is a qualitative research in which the data were collected by semi-structured interview with the stakeholders of the SEA study. There were 40 informants from 4 groups which are 1) local people, 2) relevant agencies, 3) NGOs, academia and mass media and 4) the SEA study team and the project supervisory committee. In addition, the data were collected from observations, focus group discussions and field trips in the target areas and the study of the document related to the project. The analysis of data adopted the framework of CIPP-I model of assessment which considering 5 main components that are context, input, process, product and impact. The results of the study revealed that 1) Context: The policy on electrical power development according to Thailand power development plan of 2015-2036 (PDP 2015) emphasized on electrical security by diversifying fuels in electrical generation to reduce the relying up on natural gas by increasing the proportion of coal. This caused conflict in the areas of coal-fired power plant projects which lead to the movement of NGOs, and those who were affected by the projects. Another important context is the law concerning the environmental assessment of Thailand which are in need for the reform to enable the effectiveness and more acceptable participation process. 2) Input: In the beginning, most people who participated in the participation process had a low level of understanding and negative attitude towards the project but at the end they had better understanding and attitude. The persons responsible for the people participation process were qualified and accepted by the participants. 3) Process: The participation process in overall was effective. The level of participation was at joint planning level. The participants were able to reach the data and information from many channels. The participation process started quite early and covered the stakeholders well. The study team was sincere and the process was always transparent. 4) Product: The majority of the informants accepted the outcome of the participation process and the results of the SEA study, and 5) Impact: The project was able to reduce conflicts between the participants and created a better atmosphere as the trust to the project was increasing. As a result, the relationship between the stakeholders has become more positive.
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ตลอดจนผลสำเร็จและปัญหาอุปสรรค และเพื่อถอดบทเรียนจากกระบวนการการมีส่วนร่วมในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ การศึกษานี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงงานไฟฟ้าภาคใต้ โดยมีผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด ประกอบด้วย 4 กลุ่ม 1) กลุ่มที่ 1 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง 2) กลุ่มที่ 2 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับรอง 3) กลุ่มที่ 3 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับบุคคลที่สาม และ 4) คณะผู้ศึกษาโครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ไฟฟ้าภาคใต้ และคณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการ ผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้นจำนวน 40 คน และการสังเกตการณ์ในการจัดเวทีสานเสวนา การประชุมกลุ่มย่อย และการลงพื้นที่จริงในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหาตามกรอบการประเมิน CIPP-I Model โดยมีองค์ประกอบที่นำมาพิจารณา 5 องค์ประกอบหลัก คือ ปัจจัยภายนอก ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิต และผลกระทบ ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยภายนอก (Context) นโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP2015) เน้นการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ด้วยการกระจายเชื้อเพลิงในผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่จากโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโรงไฟฟ้าเทพา ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่ม NGOs กลุ่มอนุรักษ์ รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบ และกลุ่มผู้นำชุมชนที่สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงความไม่น่าเชื่อถือของนักการเมืองบางกลุ่มซึ่งแสวงหาผลประโยชน์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยและสามารถปฏิบัติได้จริงไม่ใช่ทำเพียงเป็นทางผ่าน 2) ปัจจัยนำเข้า (Input) กลุ่มผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการมีส่วนร่วมมีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดี แต่มีบางส่วนที่มีอคติและไม่เข้าใจในทุกเรื่องที่ต้องมีความเข้าใจตรงกัน บุคลากรในการดำเนินการการมีส่วนร่วมแสดงความเป็นกลางให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสัมผัสได้ จึงเกิดการยอมรับในการให้ดำเนินการต่อไปจนสิ้นสุดงาน 3) กระบวนการ (Process) ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้หลายช่องทาง แต่บางครั้งข้อมูลเนื้อหาที่ให้มากระทันหัน ทำให้เตรียมข้อมูลมาร่วมพิจารณาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการสานเสวนามีเวลาน้อยเกินไป ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่ในระดับวางแผนร่วมกัน การเริ่มต้นเร็วเป็นสิ่งสำคัญ การเชิญผู้มีส่วนได้เสียมีความครอบคลุม ผู้ดำเนินโครงการมีความจริงใจและปรับวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา มีความโปร่งใสของกระบวนการสามารถตรวจสอบและสอบถามได้ทุกขั้นตอนการดำเนินการ 4) ผลผลิต (Product) ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ยอมรับกระบวนการมีส่วนร่วมและยอมรับผลการศึกษา 5) ผลกระทบ (Impact) เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เข้าร่วมที่มีปัญหากันก่อน และมีการสร้างเครือข่ายในกลุ่ม ลดความขัดแย้งมีบรรยากาศที่ดีขึ้น และมีความเชื่อมั่นต่อโครงการที่ดี มีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียที่ดีขึ้น
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ตลอดจนผลสำเร็จและปัญหาอุปสรรค และเพื่อถอดบทเรียนจากกระบวนการการมีส่วนร่วมในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ การศึกษานี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การพัฒนาพลังงงานไฟฟ้าภาคใต้ โดยมีผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด ประกอบด้วย 4 กลุ่ม 1) กลุ่มที่ 1 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง 2) กลุ่มที่ 2 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับรอง 3) กลุ่มที่ 3 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับบุคคลที่สาม และ 4) คณะผู้ศึกษาโครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ไฟฟ้าภาคใต้ และคณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการ ผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้นจำนวน 40 คน และการสังเกตการณ์ในการจัดเวทีสานเสวนา การประชุมกลุ่มย่อย และการลงพื้นที่จริงในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหาตามกรอบการประเมิน CIPP-I Model โดยมีองค์ประกอบที่นำมาพิจารณา 5 องค์ประกอบหลัก คือ ปัจจัยภายนอก ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิต และผลกระทบ ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยภายนอก (Context) นโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP2015) เน้นการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ด้วยการกระจายเชื้อเพลิงในผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่จากโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโรงไฟฟ้าเทพา ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่ม NGOs กลุ่มอนุรักษ์ รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบ และกลุ่มผู้นำชุมชนที่สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงความไม่น่าเชื่อถือของนักการเมืองบางกลุ่มซึ่งแสวงหาผลประโยชน์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยและสามารถปฏิบัติได้จริงไม่ใช่ทำเพียงเป็นทางผ่าน 2) ปัจจัยนำเข้า (Input) กลุ่มผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการมีส่วนร่วมมีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดี แต่มีบางส่วนที่มีอคติและไม่เข้าใจในทุกเรื่องที่ต้องมีความเข้าใจตรงกัน บุคลากรในการดำเนินการการมีส่วนร่วมแสดงความเป็นกลางให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสัมผัสได้ จึงเกิดการยอมรับในการให้ดำเนินการต่อไปจนสิ้นสุดงาน 3) กระบวนการ (Process) ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้หลายช่องทาง แต่บางครั้งข้อมูลเนื้อหาที่ให้มากระทันหัน ทำให้เตรียมข้อมูลมาร่วมพิจารณาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการสานเสวนามีเวลาน้อยเกินไป ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่ในระดับวางแผนร่วมกัน การเริ่มต้นเร็วเป็นสิ่งสำคัญ การเชิญผู้มีส่วนได้เสียมีความครอบคลุม ผู้ดำเนินโครงการมีความจริงใจและปรับวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา มีความโปร่งใสของกระบวนการสามารถตรวจสอบและสอบถามได้ทุกขั้นตอนการดำเนินการ 4) ผลผลิต (Product) ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ยอมรับกระบวนการมีส่วนร่วมและยอมรับผลการศึกษา 5) ผลกระทบ (Impact) เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เข้าร่วมที่มีปัญหากันก่อน และมีการสร้างเครือข่ายในกลุ่ม ลดความขัดแย้งมีบรรยากาศที่ดีขึ้น และมีความเชื่อมั่นต่อโครงการที่ดี มีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียที่ดีขึ้น
Table of contents
Description
Thesis (Ph.D. (Environmental Management))--National Institute of Development Administration, 2022