GSCM: Independent Studies
Permanent URI for this collectionhttps://repository.nida.ac.th/handle/662723737/29
Independent Studies and Termpapers
Browse
Recent Submissions
Item การศึกษาวาทกรรมในเพลงของวงไททศมิตรที่สะท้อนภาพความท้าทายต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทยเมธาวี คำสวาสดิ์; อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว; วิชชุดา สร้างเอี่ยม (สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2024)การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อศึกษาวาทกรรมที่สะท้อนภาพความท้าทายต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเพลงของวงไททศมิตร 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวาทกรรมที่สะท้อนภาพความท้าทายต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเพลงของวงไททศมิตรกับความเป็นไปในสังคมไทยในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2565 โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาสาร (content analysis) ในเพลงของวงไททศมิตรในอัลบั้ม เพื่อชีวิตกู ที่ศิลปินในวงเป็นผู้แต่งเองทั้งเพลง และเผยแพร่ผ่านช่อง YouTube ของ Gene Lab นับจากยอดวิวสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่เพลงเสื้อกั๊ก เพลงเพื่อชีวิตกู และเพลงผีพนันแล้วเปรียบเทียบกับความเป็นไปในสังคมในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2565 ผลการศึกษา พบว่าเพลงของวงไททศมิตรได้สื่อสารวาทกรรมที่สะท้อนภาพความท้าทายต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งหมด 5 เรื่อง โดยมีความสัมพันธ์กับความเป็นไปในสังคมไทย ดังนี้ 1) ความยากจน ที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรและการพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ไม่พบว่าคนจนใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวเป็นหลัก 2) การศึกษาและอาชีพ ที่สะท้อนถึงค่านิยมว่าการศึกษาระดับอุดมศึกษานำไปสู่อาชีพที่มั่นคง แต่ยังคงขัดแย้งกับภาวะว่างงานของบัณฑิต และไม่พบการด้อยค่าอาชีพใช้แรงงานหรืออาชีพด้านศิลปะ 3) บทบาทและหน้าที่ของผู้ชาย ที่สะท้อนว่าผู้ชายมีส่วนร่วมในแรงงานและการเมืองมากกว่าผู้หญิง แต่ไม่พบว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำครอบครัว 4) การพนัน ที่สะท้อนให้เห็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความยากจน แต่ไม่พบว่าคนจนใช้เงินก้อนที่จำเป็นในการพนัน 5) ความบกพร่องของรัฐในการบริหารจัดการประเทศไทย ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญที่กระจุกตัวอยู่ในเมือง และกระบวนการยุติธรรมที่มีการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมItem การศึกษาการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของประชากรสองช่วงวัยสิทธิชาติ สุชาติ; บุหงา ชัยสุวรรณ; ฆริกา คันธา (สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2023)การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาความสนใจเกี่ยวกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบน Google ในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2567) 2. เพื่อศึกษาการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเปรียบเทียบในช่วงวัย Digital Immigrants และ Digital Natives เป็นศึกษาด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ซึ่งมีกระบวนการ 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) วิธีการนำข้อมูลมาตีความ (Trend Analysis) โดยการใช้ Google Trend ในการเก็บข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งาน และ 2) วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มละ 5 ตัวอย่าง ผลการศึกษาพบว่า จากผลการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ผู้ใช้งาน Google Search มีความสนใจที่เกี่ยวกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาของ Google Search Engine มีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการให้ความสนใจเรื่องที่มีความใกล้เคียงกับคำดังกล่าว เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ, การพัฒนาที่ยั่งยืน หมายถึง, เศรษฐกิจพอเพียง, ภาวะโลกร้อน ฯลฯ ซึ่งกลุ่มคำดังกล่าวเป็นคำที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของความยั่งยืน และเรื่องของสิ่งแวดล้อมทั้งหมด แต่การค้นหาอาจถูกดัดแปลงชุดคำและความเกี่ยวข้องที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อต่อยอดความสนใจของผู้ใช้งานต่างกันออกไป ทั้งนี้ ความสนใจของผู้ใช้งานขึ้นอยู่กับประโยชน์และความสนใจส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ผนวกเข้ากับช่วงเวลาที่สถานการณ์ในประเทศเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ในความรู้ชุดใหม่ หรือสถานกาณ์ในระดับนานาชาติที่กำลังถูกให้ความสนใจจะเป็นตัวกระตุ้นการรับรู้ ไปสู่การค้นหาข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องต่อไป และการรับรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนของกลุ่มตัวอย่าง ส่งผลไปสู่ทัศนคติที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาของการรับรู้ที่แตกต่างกัน และพฤติกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มีความเคร่งครัดไม่เหมือนกัน กล่าวคือ จากการศึกษาจะเห็นว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เมื่อชุดความรู้ความเข้าใจที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลไปสู่ทัศนคติที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแนวคิด ความรู้สึกต่อชุดความรู้ที่ไม่เหมือนกัน ในที่สุดการกระทำหรือพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างจะแสดงออกถึงความจริงจังในการกระทำเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน แม้ว่าช่วงเวลาของการรับรู้เรื่องของความยั่งยืนจะอยู่ใกล้เคียงกันคือ 3-9 ปีที่ผ่าน แต่ความสนใจที่จะนำไปสู่การต่อยอดของแต่ละคน สร้างระบบแนวคิดทัศนคติในการแสดงออกทางพฤติกรรมไม่เหมือนกัน