ระบบบริหารงานบุคคลของราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
Publisher
Issued Date
1968
Issued Date (B.E.)
2511
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
188 หน้า.
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
สรศักดิ์ สร้อยสนธิ์ (1968). ระบบบริหารงานบุคคลของราชการบริหารส่วนท้องถิ่น. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1171.
Title
ระบบบริหารงานบุคคลของราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
เป็นการศึกษาถึงระบบการบริหารงานบุคคลท้องถิ่นของประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบที่มีคณะกรรมการระดับชาติ หรือรัฐบาลกลางเป็นผู้ควบคุมการบริหารงานซึ่งมีอยู่หลายระบบ แต่ละระบบก็มีองค์การกลางบริหารงานบุคคลของตน ได้แก่คณะกรรมการพนักงานเทศบาล คณะกรรมการข้าราชการส่วนจังหวัด นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้กระทรวงมหาดไทยควบคุมการบริหารงานบุคคลพนักงานสุขาภิบาล และพนักงานตำรวจอีกด้วย ส่วนการบริหารงานบุคคลในระดับท้องถิ่นนั้น องค์การบริหารงานบุคคลเป็นผู้กระจายอำนาจให้แก่องค์การบริหารบุคคลในระดับท้องถิ่นซึ่งมีอยู่ 3 คณะกรรมการ คือ อ.ก.จ. อ.ก.ท.จังหวัด และ อ.ก.ท.เทศบาล อย่างไรก็ดีแม้จะได้มีการกระจายอำนาจบริหารงานบุคคลให้แก่ท้องถิ่นดังกล่าวก็ยังปรากฏว่าท้องถิ่นยังมีอิสระในการบริหารงานบุคคลน้อย เนื่องจากรัฐบาลกลางยังเป็นผู้ออกระเบียบข้อบังคับ ควบคุมการบริหารงานบุคคลของท้องถิ่น โดยจัดให้มีผู้แทนของท้องถิ่น มีสิทธิ มีเสียงในด้านบริหารงานบุคคล และระบบบริหารงานสุขาภิบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลยังไม่มีพนักงานตำบลอย่างแท้จริง แต่ได้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนไปปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้เขียนเห็นว่าการบริหารงานบุคคลหลายระบบจะก่อให้เกิดข้อจำกัดในเรื่องการโอน การบรรจุแต่งตั้ง การเลื่อนชั้น เลื่อนเงินเดือน และเลื่อนตำแหน่ง รวมทั้งไม่อาจแก้ไขเรื่องข้าราชการส่วนท้องถิ่นมีเกียรติภูมิต่ำ ทำให้ขาดแคลนผู้มีความรู้ความสามารถเข้าทำงานในราชการบริหารส่วนท้องถิ่นได้ ดังนั้นจึงควรรวมระบบการทำงานบุคคลหลายระบบเข้าเป็นระบบเดียวกัน โดยปรับปรุงแก้ไขการจัดระบบบริหารงานบุคคลเสียใหม่ดังนี้คือ
1. ให้มีการจัดรูปองค์การ คือ ให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นระดับชาติเพียงองค์การเดียว ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน อธิบดีกรมการปกครองเป็นกรรมการ ผู้อำนวยการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้มีกรรมการอื่น ๆ อีก รวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 9 คน สำหรับระดับท้องถิ่นควรให้มีคณะกรรมการเช่นกัน
2. องค์การกลางบริหารงานบุคคลทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น จะต้องมีขอบเขตในการควบคุมพนักงานท้องถิ่นประจำในทุกระดับ.
3. ควรให้องค์การบริหารบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นมีหน่วยงานเป็นอิสระและมีเจ้าหน้าที่บริหารงานของตนเองโดยเฉพาะ
4. ควรมีความสัมพันธ์ระหว่างองค์การกลางบริหารงานบุคคล และองค์การบริหารงานบุคคลในระดับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยองค์การกลางเป็นผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือทุกด้าน
5. องค์การบริหารงานบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นควรจะหันนโยบายบริหารงานบุคคลไปในทางส่งเสริมสมรรถภาพ เกียรติศักดิ์ และความมั่นคงยิ่งขึ้น
1. ให้มีการจัดรูปองค์การ คือ ให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นระดับชาติเพียงองค์การเดียว ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน อธิบดีกรมการปกครองเป็นกรรมการ ผู้อำนวยการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้มีกรรมการอื่น ๆ อีก รวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 9 คน สำหรับระดับท้องถิ่นควรให้มีคณะกรรมการเช่นกัน
2. องค์การกลางบริหารงานบุคคลทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น จะต้องมีขอบเขตในการควบคุมพนักงานท้องถิ่นประจำในทุกระดับ.
3. ควรให้องค์การบริหารบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นมีหน่วยงานเป็นอิสระและมีเจ้าหน้าที่บริหารงานของตนเองโดยเฉพาะ
4. ควรมีความสัมพันธ์ระหว่างองค์การกลางบริหารงานบุคคล และองค์การบริหารงานบุคคลในระดับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยองค์การกลางเป็นผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือทุกด้าน
5. องค์การบริหารงานบุคคลของราชการส่วนท้องถิ่นควรจะหันนโยบายบริหารงานบุคคลไปในทางส่งเสริมสมรรถภาพ เกียรติศักดิ์ และความมั่นคงยิ่งขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511.