แนวทางการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร
Files
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
178 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b189269
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ธนาภรณ์ ถาวรวัฒน์สกุล (2014). แนวทางการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3871.
Title
แนวทางการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร
Alternative Title(s)
Guidelines to encourage hotel staffs' commitment in Bangkok
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคลที่มีต่อ
ความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความ
ผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานครในแต่ละระดับดาวโรงแรม 3) เพื่อ
ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร 4)
เพื่อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานโรงแรมในเขต
กรุงเทพมหานคร
วิธีการวิจัยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาการวิจัยเชิงปริมาณ คือ แบบสอบถาม โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณเป็นพนักงานโรงแรมในเขต กรุงเทพมหานคร จานวน 400 ท่าน และเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาการวิจัยเชิงคุณภาพ คือการ สัมภาษณ์เชิงลึก โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ คือผู้จัดการฝ่ ายทรัพยากรมนุษย์ของ โรงแรม จานวน 6 ท่าน การวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยเชิงปริมาณใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การ ทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนชนิดทางเดียว (One-way ANOVA) เปรียบเทียบ การทดสอบรายคู่ภายหลังด้วยวิธี แอลเอสดี (LSD) และ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบปกติ (Multiple Regression) และการวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคลมีผลต่อความผูกพันต่อองค์กร ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษา สถานภาพสมรส ระยะทางจากที่พักไปยังที่ทา งาน 2) ปัจจัยด้านระดับดาวโรงแรม มีผล ต่อความผูกพันต่อองค์กร กล่าวคือ พนักงานโรงแรมระดับ 3 ดาวมีความผูกพันต่อองค์กรในด้านการยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์กรน้อยกว่าพนักงานโรงแรมระดับ 4 ดาว และระดับ 5 ดาว ตามลาดับ และ พนักงานโรงแรมระดับ 4 ดาว มีความผูกพันต่อองค์กรในด้านความต้องการดา รง สมาชิกภาพในองค์กร น้อยกว่าพนักงานโรงแรมระดับ 5 ดาว 3) ปัจจัยด้านลักษณะงาน และด้าน ประสบการณ์ในการทางานโดยรวม มีอิทธิพลต่อปัจจัยด้านความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร 4) แนวทางการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ (1) ควรสร้างความสัมพันธ์ และความรู้สึกดีกับบุคลากรโดย ใช้การปกครองกันในรูปแบบของความเป็นพี่เป็นน้องกัน มากกว่า ความเป็นนายจ้างลูกจ้าง เพื่อให้ เกิดขวัญและกาลังใจในการทางาน มีความยุติธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง (2) ให้ บุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารงาน ให้อิสระในการทา งาน ให้ความไว้วางเมื่อมอบหมายงานให้ และตักเตือนผู้ที่ทา ผิดโดยตรงเพื่อให้เกิดการแก้ไข รวมทั้งเปิ ดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น มีส่วน ร่วมในการกาหนดนโยบาย และเป้าหมายขององค์กร (3) ส่งเสริมให้มีการจัดฝึกอบรม พัฒนา ความรู้ ทักษะใหม่ๆให้แก่บุคลากรในองค์กร สนับสนุนให้มีการศึกษาในเรื่องที่เอื้อต่อการทา งาน ให้บุคลากรได้รู้สึกว่างานนั้นมีความท้าทาย และมีความก้าวหน้า (4) จัดกิจกรรมเสริมสร้างความ ผูกพันต่อองค์กร เช่น จัดให้มีการออกไปท่องเที่ยว ทา กิจกรรมกลุ่ม หรือมีงานกีฬาสีในองค์กร เพื่อ เสริมสร้างความเป็นกันเองให้เกิดขึ้นในองค์กร
วิธีการวิจัยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาการวิจัยเชิงปริมาณ คือ แบบสอบถาม โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณเป็นพนักงานโรงแรมในเขต กรุงเทพมหานคร จานวน 400 ท่าน และเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาการวิจัยเชิงคุณภาพ คือการ สัมภาษณ์เชิงลึก โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ คือผู้จัดการฝ่ ายทรัพยากรมนุษย์ของ โรงแรม จานวน 6 ท่าน การวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยเชิงปริมาณใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การ ทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนชนิดทางเดียว (One-way ANOVA) เปรียบเทียบ การทดสอบรายคู่ภายหลังด้วยวิธี แอลเอสดี (LSD) และ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบปกติ (Multiple Regression) และการวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคลมีผลต่อความผูกพันต่อองค์กร ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษา สถานภาพสมรส ระยะทางจากที่พักไปยังที่ทา งาน 2) ปัจจัยด้านระดับดาวโรงแรม มีผล ต่อความผูกพันต่อองค์กร กล่าวคือ พนักงานโรงแรมระดับ 3 ดาวมีความผูกพันต่อองค์กรในด้านการยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์กรน้อยกว่าพนักงานโรงแรมระดับ 4 ดาว และระดับ 5 ดาว ตามลาดับ และ พนักงานโรงแรมระดับ 4 ดาว มีความผูกพันต่อองค์กรในด้านความต้องการดา รง สมาชิกภาพในองค์กร น้อยกว่าพนักงานโรงแรมระดับ 5 ดาว 3) ปัจจัยด้านลักษณะงาน และด้าน ประสบการณ์ในการทางานโดยรวม มีอิทธิพลต่อปัจจัยด้านความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร 4) แนวทางการส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ (1) ควรสร้างความสัมพันธ์ และความรู้สึกดีกับบุคลากรโดย ใช้การปกครองกันในรูปแบบของความเป็นพี่เป็นน้องกัน มากกว่า ความเป็นนายจ้างลูกจ้าง เพื่อให้ เกิดขวัญและกาลังใจในการทางาน มีความยุติธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง (2) ให้ บุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารงาน ให้อิสระในการทา งาน ให้ความไว้วางเมื่อมอบหมายงานให้ และตักเตือนผู้ที่ทา ผิดโดยตรงเพื่อให้เกิดการแก้ไข รวมทั้งเปิ ดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น มีส่วน ร่วมในการกาหนดนโยบาย และเป้าหมายขององค์กร (3) ส่งเสริมให้มีการจัดฝึกอบรม พัฒนา ความรู้ ทักษะใหม่ๆให้แก่บุคลากรในองค์กร สนับสนุนให้มีการศึกษาในเรื่องที่เอื้อต่อการทา งาน ให้บุคลากรได้รู้สึกว่างานนั้นมีความท้าทาย และมีความก้าวหน้า (4) จัดกิจกรรมเสริมสร้างความ ผูกพันต่อองค์กร เช่น จัดให้มีการออกไปท่องเที่ยว ทา กิจกรรมกลุ่ม หรือมีงานกีฬาสีในองค์กร เพื่อ เสริมสร้างความเป็นกันเองให้เกิดขึ้นในองค์กร
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การจัดการการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557