แนวทางที่เหมาะสมในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมไทย
Publisher
Issued Date
2015
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
598 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b190073
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
สุพิชฌาย์ ศิริวัฒนา สีตะสิทธิ์ (2015). แนวทางที่เหมาะสมในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3972.
Title
แนวทางที่เหมาะสมในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมไทย
Alternative Title(s)
Appropriate approaches to punish and rehabilitate recidivists in Thai justice system
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีปัญหาอาชญากรรมค่อนข้างสูง ข้อมูลสถิติการกระทำผิด
กฎหมายแสดงให้เห็นว่าสภาพการณ์การกระทำผิดกฎหมายของประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้าง
น่าเป็นกังวลเป็นอย่างมากว่า กระบวนการยุติธรรมไทยในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา
อาชญากรรมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตว่าในบรรดาผู้กระทำผิดอาญาที่เข้าสู่กระบวนการ
ยุติธรรมมีทั้งผู้กระทำผิดที่เพิ่งกระทำความผิดอาญาเป็นครั งแรก และก็มีผู้กระทำผิดอีกเป็นจำนวน
มากที่เคยมีประวัติการกระทำความผิดอาญามาก่อนแล้วมาถูกจับกุมดำเนินคดีอาญาซ้ำอีก บางรายมี
ประวัติการกระทำความผิดอาญาซ้ำจำนวนมากตั งแต่ยังเป็นวัยรุ่นจนเข้าสู่วัยกลางคน บางรายถูก
จับกุมมาดำเนินคดีแล้วได้รับการประกันตัวไปในชั้นพิจารณาแต่ก็กลับไปกระทำความผิดซ้ำอีกใน
ระหว่างได้รับการประกันตัวโดยเฉพาะในคดียาเสพติด แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำ
ผิดซ้ำด้วยการลงโทษผู้กระทำผิดที่มีประวัติการกระทำผิดมาก่อนให้หนักขึ นกว่าอัตราโทษที่ศาลจะลง
แก่บุคคลดังกล่าวในอัตราหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 หรือ
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เป็นต้น รวมไปถึงประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 58 ที่ให้นำโทษที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเพื่อให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัวและแก้ไข
ตนเองมาบวกเข้ากับโทษในคดีหลังของผู้กระทำผิดดังกล่าวที่ไม่เข็ดหลาบกระทำผิดกฎหมายซ้ำอีก
แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็ยังไม่สามารถหยุดยั งการกระทำความผิดอาญาซ้ำหลังจากพ้นโทษได้
จากการศึกษาพบว่า สาเหตุการกระทำผิดซ้ำของผู้กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย
ประกอบไปด้วยสาเหตุหลัก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรกคือ สาเหตุทางสังคม เช่น ปัญหาครอบครัว
ปัญหาการขาดการศึกษา ปัญหาการว่างงาน การติดยาเสพติด การหารายได้ด้วยการค้ายาเสพติด การ
เลียนแบบพฤติกรรม สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอบายมุข และปัญหาด้านทัศนคติส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น
การต้องการทำงานง่าย ๆ แต่ได้เงินมาก เป็นต้น สำหรับสาเหตุประการที่สองคือ สาเหตุจากปัญหาใน
กระบวนการยุติธรรมของไทยเองที่ไม่สามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับทฤษฎีการลงโทษทางทัณฑวิทยา
ทั้งสี่ทฤษฎีได้แก่ ทฤษฎีแก้แค้นทดแทน ทฤษฎีป้องปรามการกระทำผิด ทฤษฎีตัดโอกาสในการ
กระทำผิด และทฤษฎีแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดได้ อันเนื่องมาจากปัญหาการกำหนดโทษที่ไม่เหมาะสม
กับผู้กระทำผิดอันเนื่องมาจากสาเหตุหลากหลายประการ เช่น ข้อจำกัดในการใช้และการขาดโทษและ
มาตรการที่ศาลจะสามารถนำมาปรับใช้กับผู้กระทำผิดได้อย่างเหมาะสม การขาดข้อมูลเกี่ยวกับตัว
ผู้กระทำผิดและพฤติการณ์การกระทำผิดที่จะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจ กำหนดโทษของศาล ข้อขัดข้องในการบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำ ปัญหาผู้กระทำผิดไม่ได้รับโทษเต็มตามคำ
พิพากษาเนื่องจากได้รับการพักการลงโทษ ลดวันต้องโทษ หรือได้รับพระราชทานอภัยโทษ รวมไปถึง
การที่กระบวนการยุติธรรมไทยไม่สามารถดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดได้อย่างเต็มที่อัน
เนื่องมาจากปัญหาในทางกฎหมาย เช่น การขาดกฎหมายกำหนดวัตถุประสงค์และกระบวนการแก้ไข
ฟื้นฟูผู้กระทำผิดในกระบวนการยุติธรรม และปัญหาในทางปฏิบัติอื่นๆอีกหลายประการ เช่น การขาด
แคลนกำลังเจ้าหนำที่และงบประมาณเป็นต้น ซึ่งทุกปัญหาเมื่อเกิดขึ้นร่วมกันแล้วส่งผลให้
กระบวนการยุติธรรมไทยไม่เป็นไปตามทฤษฎีทัณฑวิทยาใด ๆ เลย และจึงส่งผลต่อเนื่องไปถึงการ
กระทำผิดกฎหมายซ้ำของผู้กระทำผิดในประเทศไทย
เมื่อศึกษากฎหมายและมาตรการของต่างประเทศที่ใช้ในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำ
ผิดซ้ำพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และประเทศสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการ
ลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำด้วยโทษจ้าคุกที่ยาวนานเพื่อตัดโอกาสในการกระทำผิดซ้ำของผู้กระทำผิดซ้ำ
บางประเภทให้ได้มากที่สุด ส่วนประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำที่คล้ายคลึงกับ
ประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็พบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และประเทศ
สิงคโปร์ต่างให้ความสำคัญกับทฤษฎีแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำด้วยการนำหลักการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำ
ผิดตามหลักความเสี่ยง-ความต้องการ-การตอบสนอง (Risk-Need-Responsivity) ที่ให้ความสำคัญ
กับการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำสูงให้ตรงกับปัจจัยอันนำไปสู่การ
กระทำผิดกฎหมายของบุคคลดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำให้ได้มากที่สุดมาใช้แก้ไข
พฤตินิสัยของผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจังจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง สำหรับประเทศ
ญี่ปุ่นก็มีกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับโทษที่มีวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด
ด้วยกระบวนการยุติธรรมในทุกกระบวนการบังคับโทษ และยังมีการนำพัฒนาการของผู้ต้องขังในการ
แก้ไขฟื้นฟูตนเองและความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำไปเชื่อมโยงกับการพิจารณาพักการลงโทษอีกด้วย
งานวิจัยนี้ จึงเสนอให้มีการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทยให้อยู่ภายใน
กรอบของทฤษฎีทัณฑวิทยาทั งสี่ทฤษฎีให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการแก้ไขกฎหมาย 5 เรื่องหลัก ๆ คือ
1. ให้มีการปรับปรุงกฎหมายอาญาที่มีอัตราโทษโดยเฉพาะโทษปรับให้มีความทันสมัยและ
สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน
2. ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษของศาลให้สอดคล้อง
และเป็นไปตามทฤษฎีทัณฑวิทยามากยิ่งขึ น
3. ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับโทษและวิธีการคุมประพฤติผู้กระทำผิดทั่วไปและ
ผู้กระทำผิดซ้ำให้มีมาตรการทางเลือกที่ศาลจะสามารถทำมาปรับใช้ได้มากขึ้นและให้มาตรการต่างๆมี
ประสิทธิภาพในการป้องกันและตัดโอกาสในการกระทำผิดซ้ำ รวมไปถึงการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดได้
มากยิ่งขึ้น
4. ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานราชทัณฑ์และการปฏิบัติงานคุม
ประพฤติให้เป็นไปในแนวทางแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดอย่างเต็มรูปแบบ และ
5. เสนอให้มีการพักการลงโทษและการพระราชทานอภัยโทษให้ความสำคัญกับการ
พิจารณาพัฒนาการในการแก้ไขฟื้นฟูตนเองของผู้กระทำผิดและความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำแต่ละ
รายให้มากยิ่งขึ้น
Table of contents
Description
ดุษฎีนิพนธ์ (น.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558