การกำกับดูแลกิจการกับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2010
Issued Date (B.E.)
2553
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
178 แผ่น ; 30 ซม.
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
สุภานี นวกุล (2010). การกำกับดูแลกิจการกับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/936.
Title
การกำกับดูแลกิจการกับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Alternative Title(s)
Corporate governance and competitiveness of Thai listed companies in the Stock Exchange of Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยมุ่งเน้นการศึกษาระดับจุลภาคหรือองค์การในฐานะที่เป็นหน่วยธุรกิจสำคัญที่จะ ผลักดันและส่งเสิรมให้เกิดความสามารถในการแข่งขันระดับอุตสาหกรรมและประเทศโดยศึกษา กลุ่มตัวอย่างระดับบริษัทที่ทําการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2552 จำแนกเป็น 7 หมวดธรกิจประกอบด้วยอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอุปโภคและบริโภคสินค้าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างทรัพยากรบริการและ เทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทตามแนวคิดอุปสงค์ของผู้บริโภคและกลยุทธบริษัทงตัวแปรหรือตวชี้วัดอุปสงค์ของผู้บริโภคประกอบดวยการเติบโตของยอดขายส่วน แบ่งตลาดเฉพาะและส่วนแบ่งตลาดรวมส่วนกลยุทธบริษัทประกอบด้วยอัตราผลตอบแทนต่อ สินทรัพย์รวมอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและกำไรต่อหุ้น การกำกับดูแลกิจการประกอบด้วย 5 แนวคิดได้แก่คุณภาพการปฏิบัติการกำกับดูแล ความสามารถทางการบริหารต้นทุนการถ่วงดุลของกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารค่าตอบแทน คณะกรรมการและผู้บริหารและความสัมพนธ์กับผู้มีส่วนได้เสียงประกอบด้วยตัวแปรหรือ ตัวชี้วัด 14 ตัว สถิติที่ใช้เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการกำกับดูแลกิจการและความสามารถใน การแข่งขันคือ ANOVA และใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบปกติ (Multiple Regression nalysis, MRA) เพื่อระบุปัจจัยการกํากับดูแลกจการที่มีอิทธพลต่อความสามารถในการแข่งขัน ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยการกำกับดูแลกิจการทั้ง 5 ปัจจัยมผลทางบวกต่อ ความสามารถในการแข่งขันกล่าวคือบริษัทที่ได้รับการประเมินคุณภาพการปฏิบัติการกำกับดูแล ด้วยคะแนนที่สูงกว่ามีส่วนแบ่งตลาดเฉพาะและส่วนแบ่งตลาดรวมที่สูงกว่าบริษัทอื่นนอกจากนี้ (4)บริษัทที่ปฏิบัติามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมที่สูงกว่า บริษัทที่ไม่ได้ปฏิบัติามหลักการและบริษัทที่มีอันดับการกำกับดแลกิจการที่สูงกว่ามีส่วนแบ่ง ตลาดเฉพาะส่วนแบ่งตลาดรวมอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมและตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหนที่สูงกว่าบริษัทที่มีอันดับการกำกับดูแลกิจการที่ต่ำ บริษัทที่มีประสิทธภาพในการบริหารต้นทนขายที่ต่ำกว่าความสามารถในการแข่งขันใน ภาพรวมหรือรวมที่สูงกวาบริษัทอื่น การถ่วงดุลของกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารพบว่าบริษัทที่มีหัวหน้าคณะผู้บริหารคนละคนประธานคณะกรรมการ และบริษัทที่มีกรรมการอิสระจำนวนมากกว่ามีส่วนแบ่งตลาด เฉพาะและส่วนแบ่งตลาดรวมที่สูงกว่านอกจากนบริษัทที่มีจํานวนกรรมการตรวจสอบมากกว่า มีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมสูงกว่าบริษัทที่มีจํานวนกรรมการตรวจสอบน้อย ในส่วนของค่าตอบแทนคณะกรรมการและผู้บริหารพบว่าบริษัทที่ให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่า มีส่วนแบ่งตลาดเฉพาะและส่วนแบ่งตลาดรวมสูงกว่าบริษัทให้ค่าตอบแทนน้อย สุดท้ายความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียพบว่าบริษัทได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียน ดีเด่นด้านสัมพนธ์มีส่วนแบ่งตลาดเฉพาะที่สูงกว่าบริษัทไม่ได้รับรางวัลนอกจากนี้ บริษัทได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมจากตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดเฉพาะและส่วนแบ่งตลาดรวมสูงกว่าบริษัทที่ไม่ได้รับรางวัล ส่วนปัญหาอุปสรรคที่พบคือการขาดการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวข้องการกำกับดูแล กิจการและความสามารถในการแข่งขันที่ชัดเจนทําใหประเด็นดังกล่าวได้รับการแลกเปลี่ยนและ พัฒนาเฉพาะกลุ่มผู้สนใจเท่านั้นอีกทั้งความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะระดับองค์การอาจ ได้รับผลกระทบจากตัวแปรภายนอกอื่นอาทิการเมืองเศรษฐกิจการเงินเป็นต้น อย่างไรตามในการศึกษาความสามารถในการแข่งขันระดับองค์การในแง่มุอื่น นอกเหนอจากการวิจัยฉบับนี้อาจเลือกวิธีการวิจัยแบบตัดขวางในระยะเวลาไม่เกิน 5 เนื่องจาก เป็นระยะเวลาทบริษัทส่วนใหญ่ยังคงเก็บรักษาข้อมูลไว้ครบถ้วนอีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูล ผ่านตลาดหลักทรพย์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2010