การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของถ่านชีวภาพ
Publisher
Issued Date
2024
Issued Date (B.E.)
2567
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
2 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Citation
ณิชาภา กระต่ายอินทร์ (2024). การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของถ่านชีวภาพ. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7196.
Title
การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของถ่านชีวภาพ
Alternative Title(s)
Study of the environmental impact of biochar
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของถ่านชีวภาพ (biochar) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปชีวมวลผ่านกระบวนการไพโรไลซิส (pyrolysis) โดยมีจุดประสงค์เพื่อการจัดการของเสียทางการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพดิน และการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การศึกษานี้ใช้วิธีการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2557–2567) รวม 50 บทความ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบของถ่านชีวภาพต่อสิ่งแวดล้อม ผลการศึกษาพบว่าถ่านชีวภาพ ซึ่งได้จากการไพโรไลซิส (pyrolysis) ของชีวมวลทางการเกษตรมีคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพดิน กักเก็บคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาปัญหามลพิษในดิน น้ำ อากาศ และขยะอินทรีย์ โดยผลการศึกษาถูกจัดหมวดหมู่เป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่:
การศึกษาผลกระทบต่อดิน ถ่านชีวภาพมีบทบาทที่สำคัญในการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพ เคมีและชีวภาพของดิน เมื่อผสมลงในดินจะช่วยเพิ่มความพรุนและความสามารถในการกักเก็บน้ำ ส่งผลให้ดินสามารถเก็บน้ำไว้ได้นานขึ้นและช่วยให้รากพืชรับน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น ส่วนในแง่ของเคมีถ่านชีวภาพมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับปรุงค่า pH ของดินในบริเวณที่เป็นดินเปรี้ยวช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารที่อัดแน่นด้วยธาตุคาร์บอน การมีพื้นที่ผิวที่สูงและมีช่องว่างภายในของถ่านชีวภาพยังเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้เกิดการกระจายตัวและเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งส่งผลต่อการย่อยสลายของอินทรีย์และการหมุนเวียนธาตุในดินอย่างมีประสิทธิภาพ
การศึกษาผลกระทบต่อน้ำ ถ่านชีวภาพสามารถนำมาใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำได้เนื่องจากมีคุณสมบัติในการดูดซับมลพิษ เช่น โลหะหนักและสารเคมีที่เป็นอันตราย คุณสมบัติเหล่านี้เกิดจากโครงสร้างรูพรุนและฟังก์ชันทางเคมีที่ถูกดัดแปลงในถ่านชีวภาพ ทำให้สามารถจับกับสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่าการใช้ถ่านชีวภาพในระบบบำบัดน้ำสามารถลดปริมาณสารพิษในน้ำและปรับปรุงคุณภาพน้ำได้ โดยเฉพาะในระบบน้ำเสียทางการเกษตรที่มักมีสารละลายที่เป็นพิษเข้มข้น นอกจากนี้ ถ่านชีวภาพยังสามารถใช้เป็นวัสดุกรองเพื่อช่วยลดความขุ่นของน้ำและฟื้นฟูคุณภาพของแหล่งน้ำในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
การศึกษาผลกระทบต่อขยะ การนำถ่านชีวภาพไปใช้มีส่วนช่วยในการจัดการกับของเสียจากเศษวัสดุชีวมวลในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เปลี่ยนของเสียที่อาจจะเป็นปัญหาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและนำมาใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร งานวิจัยระบุว่าการผลิตถ่านชีวภาพจากของเสียชีวมวลช่วยลดปริมาณของเสียที่ต้องนำไปทิ้งในหลุมฝังกลบ นอกจากนี้ การแปรรูปเศษวัสดุเหล่านี้เป็นถ่านชีวภาพยังส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสียและช่วยลดภาระการจัดการของเสียในระดับชุมชนและระดับประเทศ
การศึกษาผลกระทบต่ออากาศ ถ่านชีวภาพเป็นเครื่องมือสำคัญในการกักเก็บคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อผสมลงในดินจะช่วยกักเก็บคาร์บอนในรูปแบบของคาร์บอนที่เสถียร ส่งผลให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อนลดลง นอกจากนี้ บางงานวิจัยยังชี้ว่าการใช้ถ่านชีวภาพสามารถลดการผลิตก๊าซมีเทน (CH₄) และไนตรัสออกไซด์ (N₂O) จากดินในระบบเกษตรกรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะของจุลินทรีย์ในดินที่ได้รับการปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพ ซึ่งหมายความว่าถ่านชีวภาพไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกที่ช่วยบรรเทาผลกระทบด้านอากาศในวงกว้างด้วย
จากการศึกษาข้างต้นทั้งหมด ผลกระทบของถ่านชีวภาพในแต่ละด้านนั้นมีความเกี่ยวโยงและสนับสนุนกันในการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน โดยการศึกษาผลกระทบในดินได้รับความสนใจมากที่สุดและในแต่ละด้านมีจุดเด่นและข้อจำกัดเฉพาะตัว แต่การปรับปรุงกระบวนการผลิตและการใช้ถ่านชีวภาพที่เหมาะสมในแต่ละบริบทจะสามารถช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ งานวิจัยในอนาคตจึงควรมุ่งเน้นการพัฒนามาตรฐานการผลิตและการใช้งานที่สอดคล้องกัน รวมทั้งประเมินผลระยะยาวของการใช้ถ่านชีวภาพในระบบนิเวศและการเกษตรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
Table of contents
Description
การค้นคว้าอิสระ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567