การวางแผนการลงทุนสำหรับวัยเกษียณ

dc.contributor.advisorปริยดา สุขเจริญสินth
dc.contributor.authorฉัตรชัย สิริเทวัญกุลth
dc.date.accessioned2019-10-30T08:45:39Z
dc.date.available2019-10-30T08:45:39Z
dc.date.issued2013th
dc.date.issuedBE2556th
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ศ.ม. (เศรษฐศาสตร์การเงิน))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556th
dc.description.abstractงานวิจัยนี้เป็นการนาเสนอการวางแผนการลงทุน โดยศึกษาการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณอายุ และการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับวัยเกษียณ ซึ่งเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่พิจารณาสินทรัพย์ลงทุน 4 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ พันธบัตร เงินสด และทองคำ สาหรับการหาสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมนั้นได้ใช้แบบจำลองมอนติคาร์โล (Monte Carlo simulation) ทั้งหมด 1,000 ครั้งเพื่อคัดเลือกสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดจากรูปแบบสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด 286 แบบth
dc.description.abstractการศึกษาการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนเพื่อวัยเกษียณนั้น ได้ศึกษากลุ่มผู้ลงทุนในวัยทางานซึ่งมีอายุระหว่าง 25 ปี ถึง 55 ปี ซึ่งเป็นวัยที่อยู่ในช่วงสะสมทรัพย์สิน และได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือRMF) โดยการศึกษานี้ ด้ทำ การศึกษาสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ลงทุน 4 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ พันธบัตร เงินสด และทองคา โดยทา การแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ การลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง และการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 4ชนิดข้างต้น ได้แก่ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวมทองคา ซึ่งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพนั้นเป็นกองทุนที่จัดตั้งเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการออมสาหรับวัยเกษียณ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบายสนับสนุนให้สิทธิพิเศษทางภาษี โดยให้สามารถนาเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพมาหักลดหย่อนภาษีได้ ในสัดส่วนร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 15 ของรายได้พึง ประเมินในปีภาษีนั้น และผู้ลงทุนจะต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ แต่ปัจ จุบันยังมีผู้ให้ความสนใจน้อย เนื่องจากเห็นว่ามีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานเกินไป ซึ่งการวิจัยนี้ได้ทาการหาสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมที่สุด โดยสัดส่วนที่เหมาะสมนั้นจะให้อัตราลงทุน (investment rate) ที่ต่าที่สุด และมีอัตราความสาเร็จ (achieve rate) ที่สูงที่สุด ตามระยะเวลาการลงทุน และระยะเวลาที่คาดหวังว่าจะดำรงชีวิตหลังเกษียณจากผลวิจัยการจัดสรรการลงทุนเพื่อวัยเกษียณนั้น สามารถสรุปได้ว่าผู้วางแผนเกษียณอายุควรจะวางแผนการเกษียณอายุตั้งแต่เนิ่นๆ กล่าวคือผู้วางแผนควรเริ่ม วางแผนตั้งแต่อายุน้อยๆเนื่องจากยังมีระยะเวลาทางานเพื่อหาเงินมาลงทุนอีกยาวนาน ทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดสรรการลงทุนโดยใช้เงินลงทุนในแต่ละงวดเป็นจานวนน้อยกว่า และจะมีโอกาสบรรลุเป้าหมายการเกษียณอย่างมีความสุขในระยะยาวได้สูงกว่า ซึ่งจากงานวิจัยการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนในทั้ง 2 กลุ่มนั้นแสดงผลไปในทิศทางเดียวกัน คือผู้ลงทุนเพื่อวัยเกษียณควรพิจารณาแบ่งสัดส่วนการลงทุนมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวน ไม่ว่าจะในตราสารทุน หรือทองคาเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เพราะจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของสัดส่วนการลงทุนได้th
dc.description.abstractสำหรับผลงานวิจัยการจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับวัยเกษียณ ทำการศึกษาเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ หุ้นสามัญ พันธบัตร เงินสด และทองคา เพื่อคำนวณหาสัดส่วนการลงทุนให้มีอัตราถอนเงิน (withdrawal rate) สูงที่สุด ในขณะที่มีอัตราความผิดพลาด(failure rate) ที่ผู้ลงทุนสามารถยอมรับได้ ตามระยะเวลาที่ผู้เกษียณอายุคาดว่าจะดำรงชีวิตอยู่หลังเกษียณ ซึ่งจากผลการวิจัยสามารถสรุปได้ว่าผู้เกษียณอายุที่คาดหวังระยะเวลาดารงชีวิตหลังเกษียณเป็นระยะเวลานาน ควรกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น เนื่อจากมีระยะเวลาในการลงทุนที่ยาวนานขึ้น ประกอบกับมีระยะเวลาที่ต้องใช้เงินมากขึ้นจึงทาให้ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อให้การดารงชีวิตในวัยเกษียณเป็นไปตามที่คาดหวังโดยเมื่อพิจารณาการจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 4 ประเภทในงานวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นว่า ควรพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนในสัดส่วนที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ ซึ่งจะช่วยลดอัตราความผิดพลาดของการลงทุนลงได้th
dc.description.abstractจากผลการศึกษาวิจัยที่ได้ทาการศึกษามานั้น ทาให้พบว่าการจัดสรรการลงทุนเพื่อวัย เกษียณ และการจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับวัยเกษียณนั้น ไม่ได้จำกัดเพียงแต่ต้องลงทุนแต่ ในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่า ให้ความปลอดภัยของเงินต้นสูงเท่านั้น หากผู้ลงทุนวาง แผนการลงทุนในระยะยาวแล้วความผันผวนในระยะสั้นย่อมไม่มีความสาคัญมากนัก ดังนั้นผู้ ลงทุนที่ต้องการเกษียณอย่างมีความสุขควรจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนมายังสินทรัพย์ที่มีความผัน ผวนเพิ่มขึ้น อาทิเช่นห้นุสามัญ และควรเพิ่มการลงทุนในทองคำเนื่องจากทองคำมีส่วนช่วยเพิ่ม อัตราผลตอบแทน และลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนลงได้ แต่หากผู้ลงทุนลงทุนเฉพาะ สินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่นเงินฝาก หรือตราสารหนี้นั้น เมื่อมองทางด้านของผลตอบแทน ที่ปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้ว ทำให้ไม่สามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวได้th
dc.format.extent126 แผ่นth
dc.format.mimetypeapplication/pdfth
dc.identifier.doi10.14457/NIDA.the.2013.30
dc.identifier.otherb191066th
dc.identifier.urihttp://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4645th
dc.language.isothath
dc.publisherสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์th
dc.rightsผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)th
dc.subject.otherการวางแผนth
dc.subject.otherการลงทุนth
dc.subject.otherการเกษียณอายุth
dc.titleการวางแผนการลงทุนสำหรับวัยเกษียณth
dc.title.alternativeInvestment planning for retirementth
dc.typetext--thesis--master thesis
mods.genreThesis
mods.physicalLocationสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนาth
thesis.degree.departmentคณะพัฒนาการเศรษฐกิจth
thesis.degree.disciplineเศรษฐศาสตร์การเงินth
thesis.degree.grantorสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์th
thesis.degree.levelMastersth
thesis.degree.nameเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิตth

Files

Original bundle

Now showing 1 - 1 of 1
Thumbnail Image
Name:
b191066.pdf
Size:
9.77 MB
Format:
Adobe Portable Document Format
Description:
full text

License bundle

Now showing 1 - 1 of 1
No Thumbnail Available
Name:
license.txt
Size:
1.71 KB
Format:
Item-specific license agreed upon to submission
Description:

Collections