ปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2019
Issued Date (B.E.)
2562
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
299 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b210975
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
วศิน ยิ้มแย้ม (2019). ปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6346.
Title
ปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเทศไทย
Alternative Title(s)
The problem of constitutional amendment in Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
รัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายที่มีความสําคัญที่สุดในรัฐ ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็น กฎหมายที่กําหนดโครงสร้างและความสัมพันธ์ขององค์กรที่ใช้อํานาจสูงสุด และกําหนดคุ้มครองสิทธิ ขั้นพื้นฐานของพลเมือง ว่ากันในทางทฤษฎีและอุดมคติการปกครองระบอบประชาธิปไตย กฎหมาย รัฐธรรมนูญมีที่มาจากประชาชน ประชาชนจึงเป็นผู้ใช้อํานาจก่อตั้งรัฐธรรมนูญขึ้น (Pouvoir Constituant) ตามที่กล่าวข้างต้น รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายกําหนดองค์กรที่ใช้อํานาจมหาชนแทนรัฐ องค์กรที่รัฐธรรมนูญก่อตั้งขึ้นย่อมต้องผูกพันตนเองอยู่กับอํานาจที่รัฐธรรมนูญกําหนด องค์กรของรัฐ ทั้งหลายไม่สามารถใช้อํานาจที่รับมอบมาจากรัฐธรรมนูญแก้เปลี่ยนแปลงหรือทําลายรัฐธรรมนูญได้ อํานาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงเป็นอํานาจอื่น ไม่ใช่อํานาจที่รับมอบมาจากรัฐธรรมนูญปกติ (Pouvoir Constitué) กล่าวคือ อํานาจแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอํานาจที่สืบเนื่องมาจากอํานาจสถาปนา รัฐธรรมนูญดั้งเดิมเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (Pouvoir Constituant Dérivé) เมื่ออํานาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ใช่อํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิม (Pouvoir Constituant Originaire) การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นอํานาจที่มีขอบเขตจํากัด ไม่สามารถแก้ไข รัฐธรรมนูญได้ตามอําเภอใจโดยปราศจากการควบคุมตรวจสอบ กล่าวคือ หากปล่อยให้การแก้ไข เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดําเนินไปโดยปราศจากการตรวจสอบย่อมมีแนวโน้มที่องค์กรซึ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเกินอํานาจที่รัฐธรมนูญกําหนดอาจส่งผลให้เป็นการทําลายโครงสร้างหรือ ความสัมพันธ์องค์กรตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งอาจแก้ไขรัฐธรรมนูญจนทําลายสิทธิหรือเสรีภาพขั้น พื้นฐานของประชาชนที่รัฐธรรมนูญรับรอง ฉะนั้น เพื่อคุ้มครองความเป็นกฎหมายสูงสุดของ รัฐธรรมนูญให้มีผลในทางปฏิบัตินอกจากการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทําทาง นิติบัญญัติแล้ว การควบคุมการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยองค์กรตุลาการก็เป็นสิ่งจําเป็นเช่นกันจากการศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายรัฐธรรมนูญในประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ ประเทศเยอรมัน ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอินเดีย พบว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ ประเทศเยอรมันจัดอยู่ในรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเดียว ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยในอดีตมีลักษณะ ของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในรูปแบบเดียวกันกับประเทศเยอรมัน ในส่วนกระบวนการแก้ไข เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของประเทศฝรั่งเศส รัฐธรรมนูญกําหนดให้องค์กรนิติบัญญัติมีอํานาจเลือกวิธีการ แก้ไขตามที่รัฐธรรมนูญกําหนดได้ในบางกรณีสําหรับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดีย รัฐธรรมนูญกําหนดวิธีการแก้ไขไว้หลายแบบซึ่งแต่ละรูปแบบจะกําหนดให้แก้ไขในมาตราต่าง ๆ กัน เมื่อพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอดีต เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (8) กําหนดให้มีกระบวนการพิเศษเพิ่มเติมไปจากการแก้ไข รัฐธรรมนูญส่วนอื่น ๆ จึงทําให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปัจจุบันอยู่ในรูปแบบเดียวกันกับการ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดีย อย่างไรก็ดีการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กําหนดให้ กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยากและซับซ้อนมาก ส่งผลให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ ประเทศไทยอาจเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ซึ่งกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของประเทศ อินเดียกําหนดเงื่อนไขไว้ยากง่ายแตกต่างกันตามความสําคัญของแต่ละมาตรา สะท้อนให้เห็นถึงความ ยืดหยุ่นของกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มากกว่าของไทย กล่าวคือ การแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญไทย การแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนอื่นนอกจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (8) ที่ว่ามีกระบวนการที่ยุ่งยากมากแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วน ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (8) กําหนดมีความยุ่งยากมากขึ้น ไปอีก เนื่องจากต้องนําไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติอีกครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า ลักษณะของกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ขาดความยืดหยุ่นย่อมทําให้รัฐธรรมนูญฉบับ ดังกล่าวไร้ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับบริบทสังคม ดังนั้น เพื่อปรับรัฐธรรมนูญให้เข้ากับ บริบทที่เปลี่ยนไป สังคมอาจเลือกการรัฐประหารหรือล้มเลิกรัฐธรรมนูญและจัดทําฉบับใหม่ให้ตาม สมัยแทน ในประเด็นการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่ากัน ในทางทฤษฎีอํานาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรมนูญเป็นอํานาจที่มีขอบเขตจํากัด แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะมิได้ กําหนดมอบอํานาจให้องค์กรตุลาการโดยตรงในการวินิจฉัยเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการ แก้ไขเพิ่มเติม แต่องค์กรตุลาการย่อมมีอํานาจในการเข้าตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคุ้มครอง รัฐธรรมนูญได้ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบกระบวนการทางแบบพิธีหรือจะเป็นการตรวจสอบทาง เนื้อความจากการศึกษาการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญใน ต่างประเทศ พบว่า บางประเทศมีการกําหนดมอบอํานาจอย่างชัดแจ้งให้องค์กรตุลาการในการใช้ อํานาจตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เช่น ประเทศเยอรมัน ประเทศตุรกีเป็นต้น และบางประเทศไม่ได้กําหนดมอบอํานาจดังกล่าวให้แก่องค์กรที่ใช้อํานาจตุลา การแต่อย่างใด เช่น ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น ในขณะที่ประเทศอินเดีย มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนญู กําหนดห้ามไม่ให้ศาลยุติธรรมตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อย่างเด็ดขาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศาลสูงสุดของประเทศอินเดียได้มีคําวินิจฉัยให้การแก้ไข เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งดังกล่าวเป็นโมฆะเนื่องด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญขัดต่อหลักการ โครงสร้างพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรมย่อมมีอํานาจตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญใน การแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐสภาได้ สําหรับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของประเทศ ไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (9) ให้อํานาจศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบในทางเนื้อความเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอํานาจพิจารณากระบวนการในการแก้ไข รัฐธรรมนูญในลักษณะเดียวกันกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 148 วรรคสามแต่อย่างใด แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจรับคําร้องพิจารณาในกรณีของกระบวนการในการ แก้ไขรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 210 (2) ก็ตาม แต่การใช้อํานาจตามมาตราดังกล่าวมีลักษณะครอบจักรวาลไม่ชัดเจน ในทางทฤษฎีกฎหมายมหาชน ศาลรัฐธรรมนูญมิใช่ศาลที่มีเขตอํานาจพิจารณาทั่วไปดังเช่น ศาลยุติธรรม แต่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่มีเขตอํานาจเฉพาะ เขตอํานาจพิจารณาคดีของศาล รัฐธรรมนูญในการพิจารณาวินิจฉัยต่าง ๆ ย่อมมีเท่าที่รัฐธรรมนูญกําหนดเท่านั้น (Pouvoir Constitué) ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถขยายอํานาจตนเองด้วยอาศัยการตีความบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญได้เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกําหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอํานาจตรวจสอบร่าง รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในทางเนื้อความเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญย่อมไม่สามารถอาศัยรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (9) ตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมใน แบบพิธีได้ ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนจึงเสนอแนวทางแก้ไขสภาพปัญหาอันเนื่องมาจาก กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ ดังนี้ ประการแรก เสนอเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในลักษณะรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 เปลี่ยนเป็นรูปแบบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่ายขึ้น มีกระบวนที่แตกต่างกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแต่ละหมวด และปรับโครงสร้างที่มา ขององค์กรที่มีอํานาจดําเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเชื่อมโยงกับประชาชนมากขึ้น ประการที่สอง เสนอเสนอเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในลักษณะรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (9) โดยเพิ่มอํานาจศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนใน การตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งในทางรูปแบบและเนื้อหา และกําหนดขอบเขตอํานาจในการ ตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อํานาจตรวจสอบการแก้ไข รัฐธรรมนูญอย่างไร้ขอบเขตจํากัด
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2562