พัฒนาการและบทบาททางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมืองในประเทศไทย
dc.contributor.advisor | อัญชนา ณ ระนอง | th |
dc.contributor.author | สิทธิโชค ลางคุลานนท์ | th |
dc.date.accessioned | 2014-05-05T09:17:38Z | |
dc.date.available | 2014-05-05T09:17:38Z | |
dc.date.issued | 2009 | th |
dc.date.issuedBE | 2552 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2009 | th |
dc.description.abstract | วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์และขอบเขตเพื่อศึกษาถึงพัฒนาการ บทบาททางการเมือง และผลกระทบ ทางการเมืองจากกลุ่มธุรกิจการเมือง ที่มีต่อ พรรคการเมือง รัฐสภา นโยบาย สาธารณะ และโครงการต่างๆ ของรัฐ โดยอาศัยแนวคิดทฤษฎีทางด้านสังคมและการเมือง รวมทั้งด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองเป็นแนวทางในการศึกษาวิเคราะห์ การศึกษาในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล จาก เอกสาร วิชาการ บทความ ตำรา หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจการเมือง และนำข้อมูลที่ได้มาตรวจสอบจากแต่ละแหล่งข้อมูล จากนั้นจึงทำการศึกษาตามประเด็นที่ได้ กำหนดไว้ และนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบในประเด็นเหล่านั้นเพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการ บทบาท ทางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมือง ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่เป็น ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจการเมืองภายในประเทศ ผลการศึกษากลุ่มธุรกิจการเมืองในประเทศไทย พบว่า กลุ่มธุรกิจการเมืองเกิด ขึ้นใน ประเทศไทย ด้วยเหตุผลทางโครงสร้าง และความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างอำนาจทางการเมือง และอำนาจทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยชนชั้นนำทางการเมือง และชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้ง สองกลุ่มมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดี ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นปัจจัยหรือช่องทางที่สำคัญที่เปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจ เข้ามาเป็นมีบทบาททางการเมืองด้วยตนเอง มากยิ่งขึ้น ผ่านระบบพรรคการเมือง กลุ่มนักธุรกิจกลายมาเป็นนักการเมือง สามารถใช้อำนาจทาง การเมือง ผลักดันนโยบายสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ส่งผลทำให้ เศรษฐกิจ ของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อีกด้านหนึ่งทำให้ยิ่งมีการแสวงหาประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ การเมืองด้วยเช่นกัน ทำให้นโยบายหลายนโยบายตอบสนองหรือให้ประโยชน์แก่กลุ่มธุรกิจ วิกฤตเศรษฐกิจในปี พ. 2540 และรัฐธรรมนูญ 2540 ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสการเข้ามามี ส่วนร่วมทางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมืองที่นำโดยกลุ่มทุนสื่อสารโทรคมนาคม นั่นคือ การ เกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย พรรคไทยรักไทยได้นำเสนอแนวคิดนโยบายที่ทันสมัย นำแนวคิด ทางธุรกิจมาประยุกต์ใช้ส่งผลให้เกิดการปฏิรูประบบราชการให้มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล มากขึ้น อันเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายสาธารณะให้ประสบผลส าเร็จ แต่ปรากฏว่า นโยบายหลายนโยบายมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจของพวกพ้อง มีการออกกฎหมาย และ ระเบียบต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจของกลุ่มได้รับผลประโยชน์ และเป็นไปในลักษณะผูกขาด สะท้อนให้ เห็นถึงการมีการทับซ้อนกันระหว่างผลประโยชน์ของตนกับผลประโยชน์ของส่วนรวม(Conflict of Interest) อีกทั้งยังพบว่า มีการเข้าแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบทั้งในสภาผู้แทนราษฎร องค์กรอิสระ และจากสื่อสารมวลชนอีกด้วย การมีบทบาทของกลุ่มธุรกิจการเมือง ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองทั้งในด้านบวก และลบ หากกลุ่มธุรกิจการเมืองเข้ามามีบทบาททางการเมืองโดยสำนึกในสถานะของตนว่า เข้ามา เพื่อจะนำความรู้ความสามารถ หรือนำเสนอแนวคิด นโยบายที่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนา ประเทศ ย่อมเป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ แต่หากใช้บทบาท หรืออำนาจเพื่อแสวงหาความมั่ง คั่งทางเศรษฐกิจให้กับตนและพวกพ้อง โดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ย่อมจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล การป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบ ทั้งในด้านผลประโยชน์ทับซ้อน และการ แทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ จำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความร่วมมือ ซึ่งในที่นี้ได้เสนอแนะ แนวทางทั้งมาตรการด้านการตรวจสอบ การบังคับใช้กฎหมาย และบทบาทภาครัฐ อาทิ การใช้ อำนาจในกรอบของกฎหมาย นิติรัฐ และนิติธรรม การสนับสนุนมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ ใน สังคม การปรับปรุงและการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน การจัดตั้ง และการสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรอิสระต่างๆ รวมทั้งมาตรการทางสังคม และจิตส านึก อาทิ รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของประชาธิปไตย และสิทธิหน้าที่ที่แท้จริง ร่วมกันทำหน้าที่ตรวจสอบดูแลสิทธิประโยชน์ของพวกเขาได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ ต่อเมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และตื่นตัวทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น สร้าง ค่านิยมของประชาชน และสังคมในความเสมอภาค ประชาชน นักวิชาการ สื่อสารมวลชน ต้อง ร่วมกันศึกษาทำความเข้าใจ และเผยแพร่ความรู้ระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อน เพื่อให้รู้เท่าทันนักธุรกิจการเมือง และร่วมกันทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริตอย่างมี ประสิทธิภาพ และมีความเป็นกลาง | th |
dc.format.extent | 312 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2009.5 | th |
dc.identifier.other | b166703 | th |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1169 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject | ธุรกิจการเมือง | th |
dc.subject | การพัฒนาทางการเมือง | th |
dc.subject.other | ธุรกิจกับการเมือง -- ไทย | th |
dc.subject.other | ไทย -- การเมืองและการปกครอง | th |
dc.title | พัฒนาการและบทบาททางการเมืองของกลุ่มธุรกิจการเมืองในประเทศไทย | th |
dc.title.alternative | The development and political role of political business group in Thailand | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะรัฐประศาสนศาสตร์ | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต | th |
Files
Original bundle
1 - 1 of 1