การคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นในการมาปรับใช้กับสมุนไพรไทย
dc.contributor.advisor | วริยา ล้ำเลิศ | th |
dc.contributor.author | กรกมล โสตะจินดา | th |
dc.date.accessioned | 2022-05-25T05:51:16Z | |
dc.date.available | 2022-05-25T05:51:16Z | |
dc.date.issued | 2017 | th |
dc.date.issuedBE | 2560 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560 | th |
dc.description.abstract | ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าในทางเศรษฐกิจและทางวิทยาศาสตร์ไป อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามกระแสแห่งการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรชีวภาพอย่าง ยั่งยืนและเพื่อการรักษาทรัพยากรชีวภาพอย่างสมดุลกลับมีมากขึ้น ทุกคนต่างคำนึงถึงความสำคัญ ของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการปรับใช้กับพืชสมุนไพร ที่เป็นองค์ความรู้จากการใช้ทักษะ ความรู้ หรือ ประสบการณ์ของคนในชุมชนท้องถิ่นนั้นๆจากการเรียนรู้ การแก้ปัญหา ตลอดจนทักษะเหล่านั้นได้ ถ่ายทอดจากคนอีกรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยพืชสมุนไพรนั้นมีประโยชน์นานัปการต่อการดำรงชีพ และประเทศที่พัฒนาแล้วได้เข้ามาศึกษา วิจัย ในพืชสมุนไพรของประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะ ประเทศที่พัฒนาแล้วมีความคิดในเรื่องของการใช้พืชสมุนไพรอันเป็นทรัพยากรชีวภาพในภูมิปัญญา ท้องถิ่นนั้นเป็น สมบัติสาธารณะ หรือ (Public Domain) ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในพืช สมุนไพรที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ | th |
dc.description.abstract | ต่างจากแนวความคิดของประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีแนวความคิดในเรื่องของภูมิปัญญา ท้องถิ่นนั้นเป็นสิ่งที่หวงแหนหวงกั้นไม่อาจให้ใครเข้ามาใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับสมุนไพรได้ ด้วย การหามาตรการต่างๆมาเพื่อคุ้มครองและการอนุรักษ์ในภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับสมุนไพร ซึ่งการ เข้ามาแสงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นตามกฎหมายทรัพย์สินทาง ปัญญา โดยปราศจาการรับรู้การเป็นเจ้าของในภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับสมุนไพรอย่างแท้จริง | th |
dc.description.abstract | ในส่วนของการคุ้มครองภูมปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับการใช้พืชสมุนไพรของประเทศไทยนั้น มี แนวคิดในเรื่องของภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าเป็น สิทธิของชุมชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 66 ที่ให้ความคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยคนในชุมชนและท้องถิ่นต่างมีสิทธิที่จะ หวงแหนมิให้มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในสมุนไพรไทย เพราะประเทศไทยนั้นไม่มี กฎหมายที่สามารถคุ้มครองในภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้โดยตรง จะมีแต่เพียงบทกฎหมายใกล้เคียงบางบท เท่านั้นที่จะสามารถน ามาปรับใช้ในภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับสมุนไพรไทย ได้แก่ พระราชบัญญัติ คุ้มครองพันธ์พืช พ.ศ.2542 ที่มุ่งประสงค์แต่เพียงในการคุ้มครองพันธ์พืชพื้นเมืองท้องถิ่น พันธ์พืช ทั่วไป และพันธ์พืชใหม่เท่านั้น ซึ่งไม่อาจคุ้มครองในองค์ความรู้ของภูมิปัญญา ท้องถิ่นได้โดย เฉพาะเจาะจง และอีกกฎหมายที่สามารถให้ความคุ้มครองได้ คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองและ ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พ.ศ.2542 ซึ่งได้ให้ความคุ้มครองพืช สมุนไพรเฉพาะเพียงตำหรับยาสมุนไพร และรวมถึงแหล่งการอนุรักษ์สมุนไพรและภูมิปัญญา | th |
dc.description.abstract | การแพทย์แผนไทยเท่านั้น และได้ศึกษาถึงมาตรการการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นของต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศอินเดีย เพื่อมาปรับใช้กับประเทศ ไทย | th |
dc.description.abstract | ดังนั้นประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีขององค์การระหว่างประเทศจึงต้องปฏิบัติตาม ความตกลง ทางการค้าระหว่างประเทศและทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPs) และปฏิบัติตามอนุสัญญาความ หลากหลายทางชีวภาพ (CBD) ในเรื่องของความคุ้มครองในภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับการนำไปใช้กับ สมุนไพรเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนและสมดุล อันเกี่ยวกับสิ่งที่จะขอรับความคุ้มครองในเรื่องของ สิทธิบัตร ที่เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองในสิ่งประดิษฐ์ทุกสาขาการประดิษฐ์ แต่ไม่อาจให้ความ คุ้มครองในสิทธิบัตรอันเกี่ยวกับพืชและสัตว์ได้อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับ สมุนไพรนั้น อาจใช้การคุ้มครองในพันธ์พืช อันเป็นระบบกฎหมายเฉพาะ (Sui Generis System) โดยเลือกระบบในการคุ้มครองได้ทั้งภายใต้ระบบกฎหมายสิทธิบัตร หรือกฎหมายเฉพาะ ระบบใด ระบบหนึ่ง หรืออาจใช้ทั้งสองระบบก็ได | th |
dc.description.abstract | จากการศึกษาพบว่าการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพืชสมุนไพรไทยนั้น จะต้อง กระทำทั้งกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่มี อยู่ในปัจจุบันจะสามารถคุ้มครองได้บางกรณีเท่านั้น แต่ไม่สามารถคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับ พืชสมุนไพรไทยเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการสร้างกฎหมายเฉพาะเพื่อคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพืชสมุนไพรจึงมีความจำเป็น อย่างยิ่ง ในการป้องกันการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับสมุนไพรไปใช้โดยมิชอบของประเทศที่ พัฒนาแล้ว | th |
dc.format.extent | 96 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2017.181 | |
dc.identifier.other | b201083 | th |
dc.identifier.uri | https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5827 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณพิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject | พืชสมุนไพร -- การคุ้มครอง | th |
dc.subject.other | ภูมิปัญญาชาวบ้าน -- การคุ้มครอง | th |
dc.title | การคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นในการมาปรับใช้กับสมุนไพรไทย | th |
dc.title.alternative | The protection of traditional knowledge in application with Thai herbs | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะนิติศาสตร์ | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | นิติศาสตรมหาบัณฑิต | th |