การศึกษาบทบาทและสภาพความร่วมมือระหว่างภาครัฐส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสถาบันอาชีวศึกษาของจังหวัดภูเก็ต
Publisher
Issued Date
2019
Issued Date (B.E.)
2562
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
150 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b208792
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
จุฑามาศ พูลสวัสดิ์ (2019). การศึกษาบทบาทและสภาพความร่วมมือระหว่างภาครัฐส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสถาบันอาชีวศึกษาของจังหวัดภูเก็ต. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6319.
Title
การศึกษาบทบาทและสภาพความร่วมมือระหว่างภาครัฐส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสถาบันอาชีวศึกษาของจังหวัดภูเก็ต
Alternative Title(s)
The study of the role and the cooperation between government sector, local administrative organization, civil society and vocational education institutions in Phuket in promoting vocational education
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวตัถุประสงค์1) เพื่อศึกษาบทบาทและสภาพความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสถาบันอาชีวศึกษาในการจัดการศึกษาและแนะแนว เพื่อส่งเสริมการศึกษาต่อสายอาชีพของนักเรียนในจังหวัดภูเก็ต 2) เพื่อศึกษาผลของการแนะแนวที่ จัดขึ้นโดยภาคส่วนต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อสายอาชีพของนักเรียนในจงัหวัดภูเก็ต และ 3) เพื่อเสนอแนะแนวทางการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกบัแต่ละพื้นที่การวิจัยคร้ังนี้ใช้วิธีวิจัยที่ ผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ (Mixed Methodology) สำหรับการ วิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลจากเอกสารประกอบกับการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาจากแต่ละภาคส่วน ได้แก่ศึกษาธิการจังหวัด ภูเก็ต รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ประธานและเลขาธิการสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการสถาบัน อาชีวศึกษาในจังหวัด 4 แห่ง และนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ช้ันปีที่1ของ สถาบันอาชีวศึกษาในจังหวัดภูเก็ต ด้านการวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามแสดงปัจจัยที่มีผลต่อการศึกษาต่ออาชีวศึกษาของประชากรกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็น นักเรียนระดับประกาศนียบตัรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่1ของสถาบันอาชีวศึกษาในจังหวัดภูเก็ต โดยสุ่มตัวอย่างจำนวน 338 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)ผลการวิจัยพบว่า 1) สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ตมีบทบาทหน้าที่ในการกำกับดูแล บูรณาการ และ สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัด ด้านเทศบาลนครภูเก็ตในฐานะองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นมีบทบาทในการส่งเสริมให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลทา กิจกรรมด้านทักษะ อาชีพ สภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ตมีบทบาทที่เด่นชัดในฐานะผู้ริเริ่มปฏิรูปการจัดการศึกษาเพื่อ ส่งเสริมการมีอาชีพ และเชื่อมโยงภาคส่วนในจังหวัดให้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนโครงการและกิจกรรม ต่างๆ ด้านสถาบันอาชีวศึกษาในจังหวัดมีบทบาทจัดหลักสูตรการศึกษาเพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ท้ังนี้ผลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกถึงสภาพความ ร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในการจัดการศึกษาและแนะแนว พบว่า ศักยภาพในการระดมความ ร่วมมือของสภาการศึกษาจงัหวัดภูเก็ตนับเป็นจุดแข็งที่ทา ให้การดำเนินงานนี้ประสบความสำเร็จ อย่างเป็นรูปธรรม โดยสัดส่วนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนสังกัดต่างๆ ที่เข้าศึกษาต่อ ในสถาบันอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2560 – 2561 อยู่ที่ร้อยละ 46.39 และร้อยละ 44.65 ตามลำดับ ซึ่ง เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับเป้าหมายของรัฐบาลขณะที่นักเรียนระดับ ปวช. ชั้นปีที่1 มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าการจัดหลัก สูตรเตรียมความพร้อมและการแนะแนวที่แต่ละภาคส่วนได้จัดขึ้น ส่งผลให้นักเรียนตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา 2)ผลของการแนะแนวที่จัดขึ้นโดยภาคส่วนต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อสายอาชีพของนักเรียนในจังหวัดภูเก็ต พบว่า มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก นอกจากนี้การที่นักเรียนได้เข้าร่วมมหกรรมแนะแนว “เปิดโลกสัมมาชีพ” ที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดขึ้นยังมีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับมาก
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2562