เปรียบเทียบความยุติธรรมตะวันตกกับพระพุทธศาสนาเถรวาทและกฎหมายไทย
dc.contributor.advisor | บรรเจิด สิงคะเนติ | th |
dc.contributor.author | พระคทาวุธ คเวสกธมโม (เพ็งที) | th |
dc.date.accessioned | 2018-11-02T02:10:18Z | |
dc.date.available | 2018-11-02T02:10:18Z | |
dc.date.issued | 2015 | th |
dc.date.issuedBE | 2558 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558 | th |
dc.description.abstract | วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความเป็นมา ความหมาย และรูปแบบของความ ยุติธรรม 2) ศึกษาแนวคิดความยุติธรรมตามแนวพระพุทธศาสนาเถรวาท 3) ศึกษาเปรียบเทียบความ ยุติธรรมของตะวันตกกับพระพุทธศาสนาและกฎหมายไทย ผลการศึกษาพบว่าแนวคิดความยุติธรรมตะวันตกในสมัยโบราณได้ยึดติดอยู่กับพระเจ้าแต่ใน เวลาต่อมาความยุติธรรมก็คือกฎหมายเพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการผดุงความยุติธรรมของสังคมร่วม กันแต่ในปัจจุบันนี้สังคมตะวันตกได้ยึดถือความยุติธรรมตามสำนักกฎหมายบ้านเมือง โดยอยู่ภายใต้ เงื่อนไขของหลักความยุติธรรม (หลักกฎหมายทั่วไป) และความยุติธรรมได้แปรสภาพมาเป็นกฎหมาย โดยให้ความสำคัญและได้คำนึงถึงคุณค่าในเรื่องของการวางกฎเกณฑ์ลงมาสู่สังคมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การที่มีแนวคิดเกี่ยวกับความยุติธรรมโดยให้ยึดถือตามกฎหมายที่ออกมาจากรัฏฐาธิปัตย์เป็นสิ่งที่ยุติ ธรรมที่สุด แต่ด้วยเหตุนี้ก็ส่งผลให้รัฏฐาธิปัตย์เกิดช่องโหว่ในการใช้อำนาจตามอำเภอใจได้ สำหรับ ความยุติธรรมตามแนวคิดของพระพุทธศาสนาเถรวาทไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ทุกคนมีความเสมอ ภาคเท่าเทียมกันในการเข้าถึงความจริงสูงสุดคือ “พระนิพพาน” ความยุติธรรมจึงเป็นหน ทางที่ทำให้ มนุษย์เข้าถึงความจริงสูงสุดของพระพุทธศาสนา สิ่งสำคัญต้องให้มีพื้นที่ สิทธิ เสรีภาพ และความ เสมอภาค เพราะเป็นพื้นที่ของความยุติธรรมการจะทำให้มีพื้นที่ตรงนี้เกิดขึ้นได้ก็ด้วยการส่งเสริมให้ มนุษย์มุ่งทำแต่กรรมดีร่วมกันเพราะกฎแห่งกรรมยุติธรรมและเที่ยงแท้เสมอ โดยยึดตามหลักของ พรหมวิหาร 4 และอคติ 4 จึงจะทำให้เกิดความยุติธรรม (อวิโรธนะ) ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ความเหมือนกันระหว่างความยุติธรรมของตะวันตกกับพระพุทธศาสนาคือ มีสมมติ สัจจะที่นำมาใช้เป็นหลักความยุติธรรมเหมือนกัน และหลักสมมติสัจจะของตะวันตกก็จะมีสิ่งที่คอย ควบคุมคือหลักความยุติธรรม (หลักกฎหมายทั่วไป) หลักสมมติสัจจะต้องสอดคล้องกับหลักความ ยุติธรรม เฉกเช่นเดียวกันกับสมมติสัจจะในพระพุทธศาสนาก็มีหลักปรมัตถสัจจะที่คอยควบคุมเช่นกัน คือหลักสมมติสัจจะต้องสอดคล้องกับกฎธรรมชาติ (หลักปรมัตถสัจจะ) แต่ในความเหมือนก็มีความ แตกต่างกล่าวคือ หลักความยุติธรรม (หลักกฎหมายทั่วไป) ของตะวันตกมีขอบเขตเพียงแค่ทำให้ มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกันอย่างสมดุลและมีความยุติธรรม แต่กฎธรรมชาติ (หลักปรมัตถสัจจะ) ของพระพุทธศาสนาไม่ได้มุ่งหวังแค่เพียงให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสมดุลมีความ ยุติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นหนทางที่ทำให้มนุษย์ได้เข้าถึงความจริงอันสูงสุดของชีวิตคือพระนิพพาน อนึ่ง ในสังคมไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยถึงกรุงรัตนโกสินทร์ก่อนที่จะมีการปฏิรูปกฎหมาย หลักความยุติธรรมได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์พระธรรมศาสตร์และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็น อย่างมาก ถือได้ว่าเป็นยุคธรรมะนิยมเพราะโครงสร้างของสังคมตั้งแต่ผู้ปกครอง กฎหมาย หลักความ ยุติธรรม วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของคนในสังคมล้วนมีความสอดคล้องกลมกลืนเดินไปใน ทิศทางเดียวกันหมด คือมีธรรมเป็นแก่นสาร จึงส่งผลให้สังคมมีความสามัคคีปรองดอง เป็นสังคมที่ ช่วยเหลือเกื้อกูล มีน้ำใจ ไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตระหนักในบาปบุญคุณโทษจึงทำให้สังคมเกิดความ ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อได้เข้าสู่ยุคปฏิรูปกฎหมาย หลักความยุติธรรมของไทยจากเดิมที่ยึดมั่นใน ธรรมเป็นสารัตถะก็ได้ถูกแทนที่ด้วยหลักความยุติธรรมของตะวันตก ซึ่งกฎหมายที่เป็นหลักของความ ยุติธรรมเปรียบเสมือนเป็นตัวสะท้อนของวัฒนธรรม ประเพณีในส่วนของค่านิยม เมื่อสังคมไทยนำ แนวคิดของตะวันตกมาใช้จึงส่งผลทำให้คนในสังคมไทยเกิดความขัดแย้งกันระหว่างวัฒนธรรมตะวัน ตกกับวัฒนธรรมไทย กฎหมายหรือหลักความยุติธรรมของตะวันตกที่นำมาใช้จึงไม่สอดคล้องกับบริบท ของสังคมไทย และปัญหายุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันนี้ ตลอดถึงคนในสังคมไม่มีความ สามัคคี สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เรารับเอาหลักความยุติธรรมของตะวันตกมาใช้ในสังคมไทย นั้นเอง อย่างไรก็ตามในการศึกษาครั้งนี้ผู้เขียนเห็นว่า หลักความยุติธรรมของตะวันตก หลักความ ยุติธรรมตามแนวคิดพระพุทธศาสนาเถรวาท หลักความยุติธรรมในกฎหมายไทย จะมีจุดร่วมที่เหมือน กันเรียกว่า “หลักความบริสุทธิ์ สำคัญกว่าความยุติธรรม” กล่าวคือ ความบริสุทธิ์ของมนุษย์สำคัญ กว่าความยุติธรรม ถ้ามนุษย์ไม่มีความบริสุทธิ์ ความยุติธรรมก็ไม่เกิดมนุษย์เป็นผู้บริสุทธิ์ได้ต้อง ประกอบไปด้วยคุณธรรม 4 ประการคือ หิริโอตตัปปธรรม สุกกธรรม สันติธรรม และสัปปุริสธรรม เมื่อบุคคลใดพร้อมด้วยคุณธรรมทั้ง 4 ประการถือว่าเป็นบุคคลที่ประเสริฐในหมู่มนุษย์ เป็นมนุสสเทโว มนุษย์ผู้เปรียบประดุจเหมือนเทวดาและตัวแปรสำคัญที่จะเป็นเครื่องมือสร้างความยุติธรรมหรือเป็น ตัวเชื่อมกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ในสังคมให้เกิดดุลยภาพ และทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่าง สันติสุขก็คือ “กฎหมาย” ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่าต้องให้กฎหมายเป็นหนึ่งเดียวกับความยุติธรรม กฎหมายต้องสอดคล้องกับบริบทของสังคม และกฎหมายต้องเป็นไปเพื่อไม่ให้คนทำชั่ว มุ่งหวังให้คน ทำดี ส่งเสริมให้คนได้มีการพัฒนาจิตใจและปัญญา ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะธำรงความยุติธรรมให้อยู่คู่ กับสังคมได้ตลอดไป | th |
dc.format.extent | 192 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2015.212 | |
dc.identifier.other | b189992 | th |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3952 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject.other | พุทธศาสนาเถรวาท | th |
dc.title | เปรียบเทียบความยุติธรรมตะวันตกกับพระพุทธศาสนาเถรวาทและกฎหมายไทย | th |
dc.title.alternative | Comparison of justice among the western, Theravada and Thai laws | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะนิติศาสตร์ | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | นิติศาสตรมหาบัณฑิต | th |