การมีส่วนร่วมของชุมชนสงฆ์ตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิชุมชน มาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ศึกษาเฉพาะกรณีโครงการพุทธอุทยาน
Publisher
Issued Date
2015
Issued Date (B.E.)
2558
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
274 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b189999
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
อัษฎาวุธ วสนาท (2015). การมีส่วนร่วมของชุมชนสงฆ์ตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิชุมชน มาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ศึกษาเฉพาะกรณีโครงการพุทธอุทยาน. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4246.
Title
การมีส่วนร่วมของชุมชนสงฆ์ตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิชุมชน มาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ศึกษาเฉพาะกรณีโครงการพุทธอุทยาน
Alternative Title(s)
Participation of the monastic community in accordance with the provisions on community rights under section 66 of the constitution of the Buddhist Park Project
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
งานวิจัยเรื่องนี้มุ่งหมายเพื่อทำการศึกษาถึงมาตรการทางกฎหมายในการจัดตั้งพุทธอุทยาน
ผ่านกรณีศึกษาโครงการพุทธอุทยานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาถึงความ
สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนานับแต่ครั้งพุทธกาลที่มีปรากฏ
ในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนา รวมถึงได้
ทำการศึกษาว่าการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบของพุทธอุทยานของชุมชน
สงฆ์ในปัจจุบันนั้นเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
ในส่วนที่ว่าด้วยสิทธิชุมชนหรือไม่
จากการศึกษาพบว่า เพื่อให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างสมดุล และยั่งยืนจำเป็นที่จะต้องให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการ ซึ่งชุมชนสงฆ์ในรูปแบบของวัดหรือ สำนักสงฆ์นั้นถือเป็นชุมชน อันเป็นผู้ทรงสิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอันที่จะมีสิทธิเข้ามี ส่วนร่วมกับภาครัฐในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมได้ และที่สำคัญชุมชนสงฆ์เป็นชุมชนที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นไปโดยสอดคล้องหลักการว่าด้วย การพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดตั้งพุทธอุทยานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในปัจจุบันนั้น เป็นโครงการของ รัฐที่ได้ผลักดันให้ชุมชนสงฆ์ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในป่าอนุรักษ์ให้สามารถอยู่ในป่าได้โดยไม่ตกเป็นผู้กระทำ ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งส่งผลให้พระสงฆ์ต้องรับภาระหน้าที่ในการช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์และจากการที่มอบพื้นที่ให้ชุมชนสงฆ์ช่วยดูแลในจำนวนที่มากเกินไปนั้น ได้กลายเป็นภาระหนักของพระสงฆ์ไปในที่สุด อันเป็นลักษณะการใช้อำนาจในการจัดการทรัพยากร โดยรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ที่ไม่ได้พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของ การอยู่อาศัยในป่าของพระสงฆ์และการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงซึ่งเมื่อ พิจารณาถึงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกแล้ว พบว่าเจตนารมณ์สำคัญในการจัดตั้งพุทธอุทยานนั้นเพื่อให้มีพื้นที่ธรรมชาติที่มีความเหมาะสมในการ ฝึกปฏิบัติตนตามหลักของพระพุทธศาสนาเพื่อเข้าถึงซึ่งหลักธรรมตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางเป็น แนวทางไว้รวมถึงได้บัญญัติกลไกในการควบคุมความประพฤติของพระสงฆ์ให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเป็นมิตรหาใช่เป็นไปเพื่อการครอบครองในลักษณะเข้าถือเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่อย่างใดไม่
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้มีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติป่าสงวน แห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยเพิ่มเติมข้อความที่ระบุถึงความมีตัวตนของชุมชนไว้ในมาตรา 16 รวมทั้งได้ เสนอให้มีการยกร่างระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการจัดตั้งพุทธอุทยานขึ้นเป็นการเฉพาะ แยกต่างหาก จากระเบียบบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2548 โดยกำหนดให้มีมาตรการควบคุมเป็นการเฉพาะทั้งกระบวนการภายในชุมชนสงฆ์และ กระบวนการการควบคุมโดยรัฐ และกำหนดให้มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน การพิจารณาและควบคุมการจัดตั้งพุทธอุทยาน เพื่อให้การจัดตั้งพุทธอุทยานเป็นไปโดยสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
จากการศึกษาพบว่า เพื่อให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างสมดุล และยั่งยืนจำเป็นที่จะต้องให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการ ซึ่งชุมชนสงฆ์ในรูปแบบของวัดหรือ สำนักสงฆ์นั้นถือเป็นชุมชน อันเป็นผู้ทรงสิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอันที่จะมีสิทธิเข้ามี ส่วนร่วมกับภาครัฐในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมได้ และที่สำคัญชุมชนสงฆ์เป็นชุมชนที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นไปโดยสอดคล้องหลักการว่าด้วย การพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดตั้งพุทธอุทยานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในปัจจุบันนั้น เป็นโครงการของ รัฐที่ได้ผลักดันให้ชุมชนสงฆ์ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในป่าอนุรักษ์ให้สามารถอยู่ในป่าได้โดยไม่ตกเป็นผู้กระทำ ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งส่งผลให้พระสงฆ์ต้องรับภาระหน้าที่ในการช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์และจากการที่มอบพื้นที่ให้ชุมชนสงฆ์ช่วยดูแลในจำนวนที่มากเกินไปนั้น ได้กลายเป็นภาระหนักของพระสงฆ์ไปในที่สุด อันเป็นลักษณะการใช้อำนาจในการจัดการทรัพยากร โดยรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ที่ไม่ได้พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของ การอยู่อาศัยในป่าของพระสงฆ์และการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงซึ่งเมื่อ พิจารณาถึงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกแล้ว พบว่าเจตนารมณ์สำคัญในการจัดตั้งพุทธอุทยานนั้นเพื่อให้มีพื้นที่ธรรมชาติที่มีความเหมาะสมในการ ฝึกปฏิบัติตนตามหลักของพระพุทธศาสนาเพื่อเข้าถึงซึ่งหลักธรรมตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางเป็น แนวทางไว้รวมถึงได้บัญญัติกลไกในการควบคุมความประพฤติของพระสงฆ์ให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเป็นมิตรหาใช่เป็นไปเพื่อการครอบครองในลักษณะเข้าถือเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่อย่างใดไม่
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้มีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติป่าสงวน แห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยเพิ่มเติมข้อความที่ระบุถึงความมีตัวตนของชุมชนไว้ในมาตรา 16 รวมทั้งได้ เสนอให้มีการยกร่างระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการจัดตั้งพุทธอุทยานขึ้นเป็นการเฉพาะ แยกต่างหาก จากระเบียบบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2548 โดยกำหนดให้มีมาตรการควบคุมเป็นการเฉพาะทั้งกระบวนการภายในชุมชนสงฆ์และ กระบวนการการควบคุมโดยรัฐ และกำหนดให้มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน การพิจารณาและควบคุมการจัดตั้งพุทธอุทยาน เพื่อให้การจัดตั้งพุทธอุทยานเป็นไปโดยสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558