ปัจจัยที่มีผลต่อนักลงทุนรายย่อยในการลงทุนอย่างยั่งยืน
Publisher
Issued Date
2024
Issued Date (B.E.)
2567
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
3 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Citation
วิรัชอร ศรีทรัพย์ (2024). ปัจจัยที่มีผลต่อนักลงทุนรายย่อยในการลงทุนอย่างยั่งยืน. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7190.
Title
ปัจจัยที่มีผลต่อนักลงทุนรายย่อยในการลงทุนอย่างยั่งยืน
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงความรู้และทัศนคติในเรื่องของการลงทุนอย่างยั่งยืน และปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนอย่างยั่งยืนของนักลงทุนรายย่อยในและนอกอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน โดยใช้วิธีการศึกษาเชิงปริมาณด้วยการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างผ่านแบบสอบถามออนไลน์ ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน กลุ่มละอย่างน้อย 200 ราย
ผลการศึกษา พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 457 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง Gen Y (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2540) สถานภาพโสด ระดับการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาโท ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน รายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน 50,001 – 100,000 บาท โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 200 คน และทำงานนอกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 257 คน ด้านประสบการณ์การลงทุน ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 457 คน มีประสบการณ์การลงทุนจำนวน 282 คน โดยนับว่าเป็นนักลงทุนรายย่อย แบ่งเป็นในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 160 คน และนอกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการจำนวน 122 คน ด้านความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ระดับการประเมินตัวเองว่ารู้จักการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ส่วนใหญ่รู้จักแต่ไม่แน่ใจในรายละเอียด ขณะที่มีความเข้าใจความหมายของการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนที่หมายถึงการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) นอกจากนี้ ส่วนใหญ่มีความสนใจบ้างในการลงทุนที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทยที่รู้จักนั้น ส่วนใหญ่รู้จักหุ้นบริษัทจดทะเบียนไทยที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) รองลงมาเป็นตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Sustainable and Responsible Investing Fund: SRI Fund) ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทยที่มีการลงทุน ส่วนใหญ่ลงทุนหุ้นบริษัทจดทะเบียนไทยที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน และกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน การรับรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนไทย ส่วนใหญ่ทราบบ้างว่าหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ลงทุนอยู่ใน SET ESG Rating และ/หรือ Dow Jones Sustainability Index (DJSI) และกองทุนรวมที่มีนโยบายมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานตามหลักความยั่งยืนซึ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลนั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยเลือกลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG และผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ส่วนใหญ่เห็นว่าดีกว่าการลงทุนทั่วไป
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างนักลงทุนรายย่อยที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินและนอกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินในด้านประสบการณ์การลงทุน พบว่ากลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินมีสัดส่วนที่สูงกว่า ขณะที่ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืนมีความสอดคล้องกันระหว่างนักลงทุนรายย่อยทั้งสองกลุ่มในเรื่องของความสนใจ ความรู้ในการลงทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงการให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในระหว่างการตัดสินใจลงทุนที่อยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ความแตกต่างของนักลงทุนรายย่อยทั้งสองกลุ่มในทางสถิติที่นักลงทุนรายย่อยในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินมีสัดส่วนที่สูงกว่านักลงทุนรายย่อยที่อยู่นอกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินนั้น จะเป็นในเรื่องของการประเมินตัวเองว่ารู้จักการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนอย่างดี การเข้าใจความหมายของการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน และการรู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทย
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนเพื่อความยั่งยืนของนักลงทุนรายย่อยทั้งสองกลุ่มพบว่าผลตอบแทนเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นธรรมาภิบาล และความเสี่ยง สอดคล้องกับการให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล มาพิจารณาระหว่างการตัดสินใจลงทุนที่ให้ความสำคัญน้อยกว่าผลตอบแทนจากการลงทุน เมื่อพิจารณาถึงความกังวลในด้านความเสี่ยงส่วนใหญ่กังวลอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งในด้านความเสี่ยงของการลงทุน ด้านผลตอบแทนจากการลงทุน และด้านความรู้ ความเข้าใจ นอกจากนี้ หากพิจารณาที่จะลงทุนอย่างยั่งยืน ส่วนใหญ่เลือกกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน
ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้มีแนวโน้มที่จะพิจารณาการลงทุนอย่างยั่งยืนหรือลงทุนอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้นเป็นอันดับแรก คือ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี รองลงมาเป็นผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุน และการเปรียบเทียบให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของการลงทุนอย่างยั่งยืนกับการลงทุนโดยทั่วไป โดยช่วงอายุที่เริ่มมีการลงทุนอย่างยั่งยืน ส่วนใหญ่เป็นช่วงอายุ 30-40 ปี โดยระยะเวลาในการลงทุนอย่างยั่งยืน ส่วนใหญ่เป็นระยะเวลา 5 ปี ขึ้นไป
จากผลการศึกษา สรุปได้ว่านักลงทุนรายย่อยทั้งในและนอกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ให้บริการทางการเงินมีความรู้ ความเข้าใจ ความสนใจในการลงทุน และการให้ความสำคัญกับปัยจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืนจำกัดอยู่ในบางผลิตภัณฑ์ และยังมีความเข้าใจไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยทั้งสองกลุ่มจะพิจารณาลงทุนอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในเรื่องของผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนมากที่สุด รวมถึงผลประโยชน์อื่นที่นักลงทุนรายย่อยจะได้รับ และการมีข้อมูลของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีนโยบายการลงทุนอย่างความยั่งยืน ดังนั้น ในการส่งเสริมให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนอย่างยั่งยืนนั้น ทั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ บริษัทที่ออกตราสารทางการเงินเพื่อความยั่งยืน และหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ อาทิ สามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนอย่างยั่งยืนในด้านการดำเนินการและการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ การเน้นผลตอบแทนและการตรวจสอบการลงทุน การสร้างความเข้าใจและการเข้าถึงคำว่า 'ยั่งยืน' และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนรายย่อย
Table of contents
Description
การค้นคว้าอิสระ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567