การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์
Publisher
Issued Date
2024
Issued Date (B.E.)
2567
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
386 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Citation
ณัฐวรรณ อารัมภ์วิโรจน์ (2024). การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7014.
Title
การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์
Alternative Title(s)
The using for freedom of expression and protection of the personal rights in case of cyberbullying
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ดุษฎีนิพนธ์นี้มุ่งศึกษาถึงปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันว่ากฎหมายที่ใช้บังคับเป็นอุปสรรค หรือมีข้อจำกัดในการคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และการลงโทษผู้กระทำความผิดกลั่นแกล้งทางไซเบอร์อย่างไร อีกทั้งควรมีกฎหมายให้ความคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์โดยเฉพาะหรือไม่ โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบแนวคิดในการคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และการลงโทษผู้กระทำความผิดกลั่นแกล้งทางไซเบอร์กับกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อกำหนดขอบเขต คำนิยาม มาตรการที่เหมาะสมในการเยียวยาและลงโทษในกรณีที่มีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เกิดขึ้นกับปัจเจกบุคคลที่มีสถานะแตกต่างกัน
ผลการศึกษาพบว่า เมื่อปัจเจกบุคคลมีสิทธิและเสรีภาพในยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีการเอื้ออำนวยให้ปัจเจกบุคคลสามารถสื่อสารถึงกันได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว อาจมีการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของปัจเจกบุคคลอื่นด้วยวิธีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่จะคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งและลงโทษผู้กลั่นแกล้งทางไซเบอร์ สามารถกระทำได้เพียงการปรับใช้กับกฎหมายที่มีการบัญญัติและใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน แต่กฎหมายดังกล่าวก็มีข้อจำกัดไม่สามารถนำมาปรับใช้กับการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ได้ทุกกรณี
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้เขียนเห็นว่า ควรที่จะมีการตรากฎหมายเฉพาะให้ความคุ้มครองกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ อันมีลักษณะเป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเยียวยาเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์มากกว่าการมุ่งลงโทษผู้กลั่นแกล้ง โดยศาลสามารถกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มีการนำเอากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้และกำหนดให้มีหน่วยงานของรัฐมาทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ และให้ความรู้ วิธีการแก้ไขปัญหาหรือวิธีการรับมือกับปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เหมือนอย่างในต่างประเทศ นอกจากนั้นหากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่เหยื่อก็สามารถเลือกที่จะดำเนินการตามกฎหมายนั้นด้วยก็ได้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2564