การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ป่าไม้ : ศึกษาเฉพาะกรณีป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
Publisher
Issued Date
1994
Issued Date (B.E.)
2537
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
16, 455 แฟ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ศลิษา พึ่งแสงแก้ว (1994). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ป่าไม้ : ศึกษาเฉพาะกรณีป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1755.
Title
การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ป่าไม้ : ศึกษาเฉพาะกรณีป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
Alternative Title(s)
People participation in forest conservation : a case study of Ban Hauy Kaew community forest, Amphoe San Kam Paeng, Changwat Chiang Mai
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ประวัติความเป็นมาของป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว (2) พัฒนาการของการต่อสู้ของชาวบ้านห้วยแก้วและชาวบ้านแม่เตาดิน เพื่อให้ได้ป่าชุมชนกลับคืนมา (3) กระบวนการมีส่วนร่วมของชาวบ้านห้วยแก้วและบ้านเตาดินในกิจกรรมป่าชุมชน
ในการศึกษาพัฒนาการต่อสู้เพื่อให้ได้ป่าชุมชน แยกพิจารณาตามช่วงเวลาเป็น 4 ยุค 1) ยุคบุกเบิกหรือยุคตั้งถิ่นฐาน 2) ยุคสัมปทานทำไม้ 3) ยุคการแตกสลายของระบบนิเวศ 4) ยุคแสวงหาความชอบธรรมและความเป็นธรรม ด้วยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสังเกตอย่างไม่มีส่วนร่วม เก็บข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ นำเสนอในรูปการพรรณา.
สำหรับการศึกษากระบวนการ การมีส่วนร่วมของชาวบ้านในกิจกรรมป่าชุมชนยึดหลักขั้นตอนการมีส่วนร่วม 4 ขั้นตอน คือ 1) การมีส่วนร่วมในการค้นหาป้ญหาและสาเหตุ 2) การมีส่วนร่วมในการวางแผน 3) การมีส่วนร่วมในการลงทุนและปฏิบัติ 4) การมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผล ด้วยวิธีการสัมภาษณ์โดยแบบสอบถาม เก็บข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณนำเสนอในรูปตารางร้อยละและค่าเฉลี่ย.
ผลการวิเคราะห์ที่ได้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพจะนำมายืนยันและอธิบายซึ่งกันและกัน ไม่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง.
ผลการศึกษา พบว่า.
1. ป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว ชาวบ้านแม่เตาดินและบ้านห้วยแก้วได้อาศัยพึ่งพิงป่าในการดำรงชีวิตมาเป็นเวลานาน ซึ่งชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านได้รักษาป่าบนพื้นฐานความเชื่อในเรื่องการนับถือผี ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในการรักษาป่า ขณะเดียวกันชาวบ้านก็ยึดถือป่าว่าเป็นสิทธิร่วมกันของชุมชนไม่ใช่ของหลวง ชาวบ้านทุกคนจึงมีสำนึกร่วมกันถึงสิทธิและหน้าที่ในการจัดการและใช้ประโยชน์จากป่าไปพร้อม ๆ กัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม ชาวบ้านก็พยายามปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการพัฒนาของชุมชนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ชาวบ้านสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ตลอดไป.
2. พัฒนาการต่อสู้ของชาวบ้านเพื่อให้ได้ป่าชุมชนกลับคืนมานั้น จะพบว่าชาวบ้านจะใช้วิธีการหลายรูปแบบผสมผสานกับในแต่ละยุคแตกต่างกันไปได้แก่ (1) ยุคบุกเกิดชาวบ้านอาศัยความเชื่อในเรื่องผีและสิทธิตามประเพณีในการจัดการป่า (2) ในยุคการแตกสลายของระบบนิเวศ ชาวบ้านก็มีการใช้ป่าในเชิงพาณิชย์มีการจัดการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ พยายามสร้างระบเกษตรที่ถาวร และมีการเปลี่ยนแปลงเมล็ดพันธุ์ (4) ในยุคแสวงหาความชอบธรรมและความเป็นธรรม ชาวบ้านมีการร้องเรียนต่ออำนาจรัฐในระดับท้องถิ่น และระดับที่สูงกว่า ร้องขอความเป็นธรรมต่อกลุ่มพลังต่าง ๆ และมีการใช้พลังมวลชนกดดัน
3. กระบวนการการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน ใน 4 ขั้นตอนนั้น ผลการศึกษาเชิงปริมาณ พบว่าชาวบ้านจะมีส่วนร่วมน้อย แต่การศึกษาเชิงคุณภาพยืนยันได้ว่า ทั้ง 4 ขั้นตอนชาวบ้านมีส่วนร่วมอย่างมาก แต่เพราะชาวบ้านจะมีส่วนร่วมแบบไม่เป็นทางการเป็นส่วนมาก จึงทำให้ไม่สามารถวัดด้วยข้อมูลเชิงประมาณได้
ในการศึกษาพัฒนาการต่อสู้เพื่อให้ได้ป่าชุมชน แยกพิจารณาตามช่วงเวลาเป็น 4 ยุค 1) ยุคบุกเบิกหรือยุคตั้งถิ่นฐาน 2) ยุคสัมปทานทำไม้ 3) ยุคการแตกสลายของระบบนิเวศ 4) ยุคแสวงหาความชอบธรรมและความเป็นธรรม ด้วยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสังเกตอย่างไม่มีส่วนร่วม เก็บข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ นำเสนอในรูปการพรรณา.
สำหรับการศึกษากระบวนการ การมีส่วนร่วมของชาวบ้านในกิจกรรมป่าชุมชนยึดหลักขั้นตอนการมีส่วนร่วม 4 ขั้นตอน คือ 1) การมีส่วนร่วมในการค้นหาป้ญหาและสาเหตุ 2) การมีส่วนร่วมในการวางแผน 3) การมีส่วนร่วมในการลงทุนและปฏิบัติ 4) การมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผล ด้วยวิธีการสัมภาษณ์โดยแบบสอบถาม เก็บข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงปริมาณนำเสนอในรูปตารางร้อยละและค่าเฉลี่ย.
ผลการวิเคราะห์ที่ได้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพจะนำมายืนยันและอธิบายซึ่งกันและกัน ไม่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง.
ผลการศึกษา พบว่า.
1. ป่าชุมชนบ้านห้วยแก้ว ชาวบ้านแม่เตาดินและบ้านห้วยแก้วได้อาศัยพึ่งพิงป่าในการดำรงชีวิตมาเป็นเวลานาน ซึ่งชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านได้รักษาป่าบนพื้นฐานความเชื่อในเรื่องการนับถือผี ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในการรักษาป่า ขณะเดียวกันชาวบ้านก็ยึดถือป่าว่าเป็นสิทธิร่วมกันของชุมชนไม่ใช่ของหลวง ชาวบ้านทุกคนจึงมีสำนึกร่วมกันถึงสิทธิและหน้าที่ในการจัดการและใช้ประโยชน์จากป่าไปพร้อม ๆ กัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม ชาวบ้านก็พยายามปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการพัฒนาของชุมชนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ชาวบ้านสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ตลอดไป.
2. พัฒนาการต่อสู้ของชาวบ้านเพื่อให้ได้ป่าชุมชนกลับคืนมานั้น จะพบว่าชาวบ้านจะใช้วิธีการหลายรูปแบบผสมผสานกับในแต่ละยุคแตกต่างกันไปได้แก่ (1) ยุคบุกเกิดชาวบ้านอาศัยความเชื่อในเรื่องผีและสิทธิตามประเพณีในการจัดการป่า (2) ในยุคการแตกสลายของระบบนิเวศ ชาวบ้านก็มีการใช้ป่าในเชิงพาณิชย์มีการจัดการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ พยายามสร้างระบเกษตรที่ถาวร และมีการเปลี่ยนแปลงเมล็ดพันธุ์ (4) ในยุคแสวงหาความชอบธรรมและความเป็นธรรม ชาวบ้านมีการร้องเรียนต่ออำนาจรัฐในระดับท้องถิ่น และระดับที่สูงกว่า ร้องขอความเป็นธรรมต่อกลุ่มพลังต่าง ๆ และมีการใช้พลังมวลชนกดดัน
3. กระบวนการการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน ใน 4 ขั้นตอนนั้น ผลการศึกษาเชิงปริมาณ พบว่าชาวบ้านจะมีส่วนร่วมน้อย แต่การศึกษาเชิงคุณภาพยืนยันได้ว่า ทั้ง 4 ขั้นตอนชาวบ้านมีส่วนร่วมอย่างมาก แต่เพราะชาวบ้านจะมีส่วนร่วมแบบไม่เป็นทางการเป็นส่วนมาก จึงทำให้ไม่สามารถวัดด้วยข้อมูลเชิงประมาณได้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2537.