องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนกับการมีส่วนร่วม กรณีศึกษาเปรียบเทียบองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัดมหาสารคาม
Files
Publisher
Issued Date
2013
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
13, 186 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b181850
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ศรัณย์ เจริญศิริ (2013). องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนกับการมีส่วนร่วม กรณีศึกษาเปรียบเทียบองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัดมหาสารคาม. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/2952.
Title
องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนกับการมีส่วนร่วม กรณีศึกษาเปรียบเทียบองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัดมหาสารคาม
Alternative Title(s)
Local network organization with participation : case studies of Kok Hinlard Community Forest and Kok Nong No Community Forest, Maha Sarakham Province
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาและการรวมตัวเป็นองค์กรชาวบ้าน อนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัดมหาสารคาม ศึกษาระดับและผลของการมีส่วนร่วมขององค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัดมหาสารคาม และศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยที่สนับสนุนการมีส่วนร่วม ขององค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน จังหวัด มหาสารคาม
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research methodology) ใช้วิธีการ ศึกษาจากข้อมูลเอกสาร (documentary research) และศึกษาจากข้อมูลภาคสนาม (field research) โดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (in-depth interview) และการสังเกตการณ์ (observation) ในการ เก็บรวบรวมข้อมูล
ผลการศึกษาที่มาและการรวมตัวขององค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน พบว่า สาเหตุหลักของการรวมตัวของชาวบ้านทั้งสองพื้นที่ คือ การมีแกนนําในการริเริ่มจัดตั้ง การได้รับผลกระทบจากนโยบายหรือโครงการพัฒนาที่เข้ามา ดําเนินการในพื้นที่ป่าสาธารณะของชุมชนและได้สร้างความเสียหายให้กบพื้นที่ป่า ส่งผลกระทบ ต่อคนในชุมชนในเรื่องวิถีชีวิตและอาชีพ จุดมุ่งหมายของชาวบ้านที่ต้องการคัดค้านโครงการพัฒนา ดังกล่าว และบทบาทครั้งสําคัญที่ทําให้การรวมตัวขององค์กรมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพราะชาวบ้านหันมาให้ความสําคัญกับการอนุรักษ์และเห็นคุณค่าของป่าสาธารณะมากขึ้น
การมีส่วนร่วมของทั้งองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่า ชุมชนโคกหนองโน พบวาองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาดมีลักษณะการมีส่วนร่วมอยู่ ในระดับการมีส่วนร่วมที่แท้จริง กล่าวคือ กิจกรรมต่างๆ ขององค์กรต้องการการมีส่วนร่วมสูง มี การกาหนดกิจกรรม การประชุมพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของสมาชิกในระดับต่างๆ อย่างเป็นระบบ ลักษณะดังกล่าวทําให้ชาวบ้านรู้สึกร่วมกันว่าตนเองเป็นเจ้าของป่าชุมชนโคกหินลาดและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมขององค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาดอย่างชัดเจน ขณะที่กลุ่ม อนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน มีลักษณะของการมีส่วนร่วมในระดับการมีส่วนร่วมเพียงบางส่วน เนื่องจากภายในองค์กรไม่มีการกาหนดโครงสร้างบทบาทหน้าที่ชัดเจน ทําให้การดําเนินการกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มยังขาดการมีส่วนร่วมจากคนในชุมชนอยางเต็มที่อาศัยการทํางานในระดับ หมู่บ้าน ซึ่งนําโดยผู้นําชุมชน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหลัก ในด้านผลของการมีส่วนร่วม พบว่า ทั้งองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน ประสบความสําเร็จในการดําเนินงานตามจุดมุ่งหมายหลักของการเข้ามารวมกลุ่ม
ปัจจัยที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของทั้งสองพื้นที่ พบว่า ปัจจัยสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ค่อนข้างจะมีลักษณะเหมือนกัน ทั้งด้านลักษณะโดยทั่วไปของชุมชน การได้รับผลกระทบจาก 1 นโยบาย/โครงการพัฒนา ในขณะที่ปัจจัยผลักดันจากบุคคลอื่น โดยเฉพาะผู้นําและสมาชิกของ องค์กร พบว่า องค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหินลาด จะมีความชัดเจนในเรื่องของตัวผู้นํา องค์กรมากกว่ากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโคกหนองโน ขณะที่ปัจจัยที่เป็นรางวัลตอบแทนมีลักษณะ สอดคล้องกัน คือ ความต้องการให้ป่าชุมชนกลับมามีความอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม เพื่อที่จะ สามารถประกอบอาชีพสร้างรายให้กับตนเองและครอบครัว ส่วนปัจจัยภายในตัวบุคคล พบว่า ชาวบ้านทั.งสองพื้นที่มีความคาดหวังในประโยชน์ส่วนรวม มีความต้องการจะเข้ามาช่วยกันแก้ไข้ ปัญหาร่วมกัน
ข้อเสนอแนะของการศึกษาครั้งนี. คือ ควรเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมของสมาชิกใน ชุมชน ทั้งเพื่อการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาศักยภาพในด้านอื่นๆ ควรให้ความสําคัญกับการ กำหนดรูปแบบการทํางาน โครงสร้าง บทบาทหน้าที่ และการบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการจัดทําแผนกิจกรรม การสนับสนุนช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก และการ เชื่อมโยงกบองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556.