มาตราการทางกฎหมายในการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
Publisher
Issued Date
2013
Issued Date (B.E.)
2556
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
193 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
ba185725
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
จิตติกาญจน์ นุกูลชิต (2013). มาตราการทางกฎหมายในการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3343.
Title
มาตราการทางกฎหมายในการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
Alternative Title(s)
Legal measures on preventing and controlling of volatile organic compounds (VOCs) emission from petrochemical factories
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดเเละมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันเเละการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา เเละประเทศแคนาดา เพื่อนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันเเละการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมแิโตรเคมี ให้ครอบคลุมเเละมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ทำการศึกษานั้น ได้ศึกษาโดยเน้นในมาตรการที่อาศัยหลักว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานทางอากาศ อีกทั้งยังได้ศึกษามาตรการทางกฎหมายอื่นๆ อาทิ มาตรการที่อาศัยหลักการระวังไว้ก่อน หลักผุ้ก้อมลพิษเป็นผู้จ่ายเเละหลักการกำหนดให้มีระบบกำจัดมลพิษ จากการศึกษา พบว่า มาตรการทางกฎหมายของประเทศไทย ยังมีความบกพร่อง คือ ไม่มีการกำหนดมาตรฐานการควบคุมสารอินทรีย์ีระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่ครอบคลุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายโดยรวม ทั้งยังมิได้มีการกำหนดเพื่อควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นการเฉพาะ ในการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการเก็บค่าปล่อยมลพิษซึ่งครอบคลุมเเต่เพียงมลพิษที่ประเภทซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซดืของไนโตรเจน เเละฝุ่นละอองรวมเท่านั้น เเต่ยังมิได้ครอบคลุมไปถึงการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย เเละยังไม่ได้มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการใช้ระบบการค้าในอนุญาต อีกทั้ง มีการกำหนดให้มีระบบกำจัดผลพิษอย่างกว้างๆมิได้มีการกำหนดการควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งแตกต่างจากมาตราการของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมที่ครอบคลุมเเละชัดเจน โดยมีการกำหนดมาตรฐานควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิด มีการกำหนดมาตรฐานการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายตามประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการของระบบการค้าการอนุญาตปล่อยมลพิษมีการกำหนดให้มีระบบควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่เป็นถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนประเทศแคนาดานั้นมีการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ครอบคลุม มีการใช้มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ปล่อยออกมาจากแหล่งกำเนิด มีการกำหนดแนวทางในการควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์
ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีนั้นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายให้มีมาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่ครอบคลุมสารอินทรีย์โดยรวม มีการกำหนดมาตรฐานตามประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นการเฉพาะ มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการเก็บภาษีการปล่อยมลพิษเเละใช้ระบบการค้าในอนุญาตสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่าย อีกทั้ง ควรปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายให้มีการกำหนดระบบกำจัดมลพิษเพื่อควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย
มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ทำการศึกษานั้น ได้ศึกษาโดยเน้นในมาตรการที่อาศัยหลักว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานทางอากาศ อีกทั้งยังได้ศึกษามาตรการทางกฎหมายอื่นๆ อาทิ มาตรการที่อาศัยหลักการระวังไว้ก่อน หลักผุ้ก้อมลพิษเป็นผู้จ่ายเเละหลักการกำหนดให้มีระบบกำจัดมลพิษ จากการศึกษา พบว่า มาตรการทางกฎหมายของประเทศไทย ยังมีความบกพร่อง คือ ไม่มีการกำหนดมาตรฐานการควบคุมสารอินทรีย์ีระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่ครอบคลุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายโดยรวม ทั้งยังมิได้มีการกำหนดเพื่อควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นการเฉพาะ ในการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการเก็บค่าปล่อยมลพิษซึ่งครอบคลุมเเต่เพียงมลพิษที่ประเภทซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซดืของไนโตรเจน เเละฝุ่นละอองรวมเท่านั้น เเต่ยังมิได้ครอบคลุมไปถึงการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย เเละยังไม่ได้มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการใช้ระบบการค้าในอนุญาต อีกทั้ง มีการกำหนดให้มีระบบกำจัดผลพิษอย่างกว้างๆมิได้มีการกำหนดการควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งแตกต่างจากมาตราการของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมที่ครอบคลุมเเละชัดเจน โดยมีการกำหนดมาตรฐานควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิด มีการกำหนดมาตรฐานการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายตามประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการของระบบการค้าการอนุญาตปล่อยมลพิษมีการกำหนดให้มีระบบควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่เป็นถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนประเทศแคนาดานั้นมีการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ครอบคลุม มีการใช้มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ปล่อยออกมาจากแหล่งกำเนิด มีการกำหนดแนวทางในการควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์
ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันเเละควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีนั้นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายให้มีมาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่ครอบคลุมสารอินทรีย์โดยรวม มีการกำหนดมาตรฐานตามประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นการเฉพาะ มีการใช้หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยวิธีการเก็บภาษีการปล่อยมลพิษเเละใช้ระบบการค้าในอนุญาตสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่าย อีกทั้ง ควรปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายให้มีการกำหนดระบบกำจัดมลพิษเพื่อควบคุมการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากถังบรรจุสารอินทรีย์ระเหยง่าย
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556