dc.contributor.advisor | อาแว มะแส | th |
dc.contributor.author | สมภพ พร้อมพอชื่นบุญ | th |
dc.date.accessioned | 2018-06-15T03:56:07Z | |
dc.date.available | 2018-06-15T03:56:07Z | |
dc.date.issued | 2015 | th |
dc.identifier.other | b188667 | th |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3703 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558 | th |
dc.description.abstract | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจบริบทของปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดิน วิถีชีวิต
ของชาวมุสลิมที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต กระบวนการทำงานในรูปของเครือข่ายเพื่อแก้ไขปัญหา
ความขัดแย้งในที่ดินอันเนื่องจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดีทับที่ดินของ
ราษฎร รวมถึงวิเคราะห์บทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา การวิจัยนี้เป็นการวิจัย
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ทำการรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกและการ
สังเกตแบบมีส่วนร่วม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา การจัดหมวดหมู่ข้อมูล การ
อธิบายเหตุผลเชิงตรรกะ และการสร้างข้อสรุปเชิงอุปนัย | th |
dc.description.abstract | ผลการศึกษา พบว่า ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินอันเนื่องจาการประกาศเขตอุทยาน
แห่งชาติบูโด-ปาดี เป็นปัญหาที่รัฐใช้กฎหมายและอำนาจในการจัดการกับทรัพยากรโดยไม่คำนึงถึง
ลักษณะและรูปแบบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและที่ดินในพื้นที่ตามวิถีของคนในท้องถิ่น ที่มี
มาอย่างยาวนานก่อนการประกาศใช้กฎหมาย คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมชาติพันธุ์
มลายู มีวิถีชีวิตที่ตั้งอยู่บนหลักคำสอนของศาสนาอิสลามเป็ นสำคัญ บวกกับการปฏิบัติตาม
ประเพณีและจารีตท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์มลายู มีการดำรงชีพที่พึ่งพาอย่างเกื้อกูลกันกับ
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากมาตั้งแต่อดีต ปัญหาเริ่มปรากฏขึ้นหลังจากได้มีการประกาศเขตป่ า
สงวนปี พ.ศ. 2508 ตามด้วยการประกาศเขตอุทยานปี พ.ศ. 2542 อันเป็นผลให้รัฐนำเอาอำนาจทาง
กฎหมายมาบังคับใช้เป็นหลัก ในการจัดการกับที่ดินทำกินของราษฎรที่ทับซ้อนกับเขตอุทยาน การ
ที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขาดความเข้าใจบริบทด้านวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นทำให้เกิด
ความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจ ระหว่างคนในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อหาทางออกที่
เหมาะสมไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่จึงมีการรวมตัวกันในรูปของเครือข่ายเพื่อเพิ่มพลังของชุมชน โดยการทำงานร่วมกับผู้นำท้องถิ่น และประสานงานขอความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐในท้องที่ ด้วยการ
สนับสนุนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ดำเนินการเคลื่อนไหวและปรึกษาหารือเพื่อหาทางออก
มีการนำแนวทางศาสนาอิสลามและประเพณีท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการบริหารการทำงาน อีกทั้ง
ยังใช้วิธีการที่เหมาะสม คือ การทำแผนที่ทำมือ ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย โปรแกรม GIS
และ GPS มาใช้ในรวบรวม และตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งการทำแผนที่และการปรับปรุงระบบการ
ทำงาน กระบวนการทำงานแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ 1) ระดับหมู่บ้านและตำบล 2) ระดับอำเภอและ
จังหวัด และ 3) ระดับนโยบาย ผลจากการเคลื่อนไหวนี้ นำไปสู่การสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นถึง
ปัญหา ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น เกิดความโปร่งใสในการ
ทำงาน มีการประสานงานกับหลายฝ่าย ตลอดจนมีการปรับระบบการทำงานระหว่างกันให้เหมาะ
กับสถานการณ์ จนทำให้ทุกฝ่ายที่มาร่วมกันเป็นภาคีสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีเหตุผลและมี
ความสมดุล ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของชาวบ้านกับหน่วยงานท้องถิ่นและท้องที่
มีการขับเคลื่อนการการทำงานอย่างเป็นระบบ จนสามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี
หน่วยงานของรัฐระดับอำเภอเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างภาคีต่างๆ อันส่งเสริมให้
เกิดความเข้าใจร่วมกันและไว้วางใจกันในการทำงาน | th |
dc.description.abstract | ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมควรนำบทเรียนที่
ได้จากกระบวนการดำเนินการในพื้นที่นี้ ไปใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อจัดการ
ความขัดแย้งในเรื่องที่ใกล้เคียงกัน ด้วยการเปิดพื้นที่ให้คนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันเพื่อ
สะท้อนความจริง และร่วมหาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความจริง ส่งเสริมให้มีการปฏิสัมพันธ์
อย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับประสานหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ร่วมเป็นภาคีในการพัฒนา | th |
dc.description.provenance | Submitted by Budsakorn Kaewpitakkan (toomool@gmail.com) on 2018-06-15T03:56:07Z
No. of bitstreams: 1
b188667.pdf: 1646507 bytes, checksum: a6af5d2c3cb6ef7b6326f7f193126554 (MD5) | th |
dc.description.provenance | Made available in DSpace on 2018-06-15T03:56:07Z (GMT). No. of bitstreams: 1
b188667.pdf: 1646507 bytes, checksum: a6af5d2c3cb6ef7b6326f7f193126554 (MD5)
Previous issue date: 2015 | th |
dc.format.extent | 114 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject | อุทยานเขาบูโดทับ | th |
dc.subject | อุทยานบูโด-สุไหงปาตี | th |
dc.subject.other | การถือครองที่ดิน -- ไทย -- นราธิวาส | th |
dc.title | กระบวนการในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอุทยานบูโด-สุไหงปาตี ประกาศเขตทับที่ดินทำกินราษฏร กรณีศึกษา อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส | th |
dc.title.alternative | The resolution process concerning land conflict caused by the declaration of Budo-Sungai Padi Nation Park : A case study in Bacho District, Narathiwat Province | th |
dc.type | Text | th |
mods.genre | วิทยานิพนธ์ | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.name | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต | th |
thesis.degree.level | Master's | th |
thesis.degree.discipline | การบริหารการพัฒนาสังคม | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.department | คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม | th |