ปัจจัยสำคัญต่อการจัดทำรายงานการจัดอันดับเพลงยอดนิยมประจำประเทศไทย
by ฉัตรชัย งามเลิศ
ชื่อเรื่อง: | ปัจจัยสำคัญต่อการจัดทำรายงานการจัดอันดับเพลงยอดนิยมประจำประเทศไทย |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | The impact factors for establishing Thailand official music charts |
ผู้แต่ง: | ฉัตรชัย งามเลิศ |
ผู้ควบคุมงานวิจัย: | วิเชียร ลัทธิพงศ์พันธ์ |
ชื่อปริญญา: | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
ระดับปริญญา: | Master's |
สาขาวิชา: | นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม |
คณะ/หน่วยงาน: | คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ |
หน่วยงานที่ประสาทปริญญา: | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
วันที่เผยแพร่: | 2560 |
ตัวระบุวัตถุจิจิทัล (ดีโอไอ): | 10.14457/NIDA.the.2017.108 |
หน่วยงานที่เผยแพร่: | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
บทคัดย่อ/เนื้อเรื่องย่อ: |
ปัจจุบัน นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยกําลังเข้าสู่การปรับเปลี่ยน โครงสร้างเศรษฐกิจจาก เรื่องอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก (Thailand 3.0) ไปสู่ “Value– Based Economy” หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Thailand 4.0)” ซึ่งเป็นการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยความคิดสร้ างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและ พัฒนา โดยมุ่งเน้นที่กลุ่ม “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์” (Creative Industry) ซึ่ง “อุตสาหกรรมเพลง” (Music Industry)เป็นหนึ่งในแขนงของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งที่ประเทศไทยอุตสาหกรรมเพลง อยู่ในภาวการณ์ที่หดตัว เนื่องด้วยอิทธิพลของพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี (Technological Determinism) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยนวัตกรรมการจัดทํา “รายงาน อันดับเพลงยอดนิยมประจําประเทศ” (Official Music Chart) ของประเทศที่เป็นผู้นําทางด้านนี้ คือ สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ เป็นในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการ พัฒนาเติบโตของวงการเพลง แต่ไม่ปรากฏว่ามีการใช้นวัตกรรมนี้ในประเทศไทย ผู้วิจัยจึงมุ่งศึกษาถึง ปัจจัยที่เอื้อต่อการจัดทํารายงานจัดอันดับเพลงยอดนิยม ประจําประเทศไทย โดยศึกษานวัตกรรมต้นแบบนี้จาก 3 ประเทศดังกล่าว ผ่านข้อมูลเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึกบุคลากรจากองค์กรที่เกี่ยวข้องกับระบบอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเพลงไทย อุตสาหกรรมเพลงเกาหลี และอุตสาหกรรมเพลงสากล ผลการวิจัย พบว่า 1) ปัจจุบันอุตสาหกรรมเพลงไทย ชี้วัดความนิยมของเพลงผ่านรายงานการจัด อันดับเพลงผ่านการออกอากาศทางสถานีวิทยุ (Radio Airplay) และยอดการรับชมทางยูทิวบ์ (YouTube) ของแต่ละค่ายเพลงเท่านั้น ซึ่งไม่มีหน่วยงานกลางใดทําหน้าที่ในการจัดทํารายงานการจัดอันดับเพลงยอดนิยมประจําประเทศ (แบบรวมทุกค่ายเพลง) จึงแสดงว่า ไม่เกิดการยอมรับและประยุกต์นวัตกรรมดังกล่าวสําหรับวงการเพลงในประเทศไทย (Diffusion of Innovation) 2) บ่อยครั้งมีการบิดเบือนข้อมูลอันดับความนิยมของเพลงเพื่อผลประโยชน์ของตน ผ่านการออกอากาศทางสถานีวิทยุภายในองค์กรของผู้ประกอบการ 3) ค่ายเพลงในประเทศไทยไม่ สามารถรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมในการพูดคุยหรือแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมเพลงของประเทศ ไทย 4) ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเพลงในองค์กรภาครัฐ 5) รัฐไม่มีนโยบาย เฉพาะในการสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลง 6) ไม่มีองค์กรกลางในการรวบรวมข้อมูลทางการตลาดที่จําเป็นต่อการจัดทํารายงานการจัดอันดับเพลงยอดนิยม และ 7) พฤติกรรมคนฟังที่ไม่สนับสนุนการซื้อขายเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ |
รายละเอียดเพิ่มเติม: |
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560 |
หัวเรื่องมาตรฐาน: | เพลง |
ประเภททรัพยากร: | วิทยานิพนธ์ |
ความยาว: | 129 แผ่น |
ชนิดของสื่อ: | Text |
รูปแบบแฟ้มข้อมูล: | application/pdf |
ภาษา: | tha |
สิทธิในการใช้งาน: | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) |
URI: | https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6222 |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้ (CONTENT) |
|
ดู ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
|
This item appears in the following Collection(s) |
|
|