มาตรการในทางกฎหมาย เพื่อป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ
Publisher
Issued Date
2018
Issued Date (B.E.)
2561
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
368 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b203237
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ปิยภัทร์ จิตรากุล (2018). มาตรการในทางกฎหมาย เพื่อป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6273.
Title
มาตรการในทางกฎหมาย เพื่อป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ
Alternative Title(s)
Legal measures to prevent the incompatibility and conflict of interests in the state enterprises’ committee
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาถึงข้อความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจและ
คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ 2. ศึกษาถึงข้อความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่
และหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ 3. ศึกษาวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎี หลักการสากลระหว่าง
ประเทศและมาตรการทางกฎหมายของต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่
และหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันได้แก่ ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ 4. ศึกษา
ปัญหาอันเกิดขึ้นจากการกระทำที่เป็นการไม่สอดคล้องกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการ
ขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ 5. ค้นหามาตรการและกลไกในการ
ป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ
รัฐวิสาหกิจ โดยการนำหลักการสากลระหว่างประเทศและมาตรการทางกฎหมายของต่างประเทศ อัน
ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐเมริกา และประเทศเกาหลีใต้เพื่อนำมาเปรียบเทียบประยุกต์ใช้
ให้เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของกฎหมายในประเทศไทยต่อไป
วิธีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการศึกษาหลักการพื้นฐาน แนวคิดทฤษฎีว่า ด้วยเรื่องรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และหลักการ ขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนที่สอง เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่ และหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจในระบบกฎหมายไทย และระบบกฎหมายต่างประเทศ ที่ผู้วิจัยเห็นว่ามีความสำคัญ พบว่า 1. องค์ประกอบและการได้มาซึ่ง คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจในปัจจุบัน ยังมีปัญหาอยู่หลายประการ ซึ่งเกิดจากตัวบทบัญญัติกฎหมายที่ เปิดช่องว่างให้ใช้ดุลพินิจหรือความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติ อันเป็นเหตุให้เกิดการแทรกแซงจาก อำนาจในทางการเมือง หรืออำนาจจากภายนอกโดยมิชอบ โดยแทรกแซงผ่านกระบวนการสรรหา และแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ ทำให้การได้มาซึ่งคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจขาดประสิทธิภาพและ นำไปซึ่งการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ 2. การกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามและสิทธิ ประโยชน์ของกรรมการรัฐวิสาหกิจ ยังขาดความชัดเจนและไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมถึงลักษณะการ กระทำที่เป็นการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ 3. การควบคุมกำกับดูแล รัฐวิสาหกิจไม่บรรลุวัตถุประสงค์เนื่องมาจากกฎหมายเปิดช่องว่างให้มีการใช้ดุลพินิจในการสรรหา และแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจได้ ทำให้
เจ้าหน้าที่ของรัฐมีสองฐานะในเวลาเดียวกัน โดยฐานะแรกเป็นผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ควบคุมกำกับดูแลหรือตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ และในฐานะที่สองคือการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดำรง ตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ต้องปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์เสียเอง จึงเป็นการไม่ เหมาะสมและขัดกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่ 4. กลไกในการควบคุมตรวจสอบการใน ปัจจุบัน ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่ง ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและสลับซับซ้อน มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาทั้ง 4 ประการดังกล่าว ผู้วิจัยขอเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา กล่าวคือ 1. ควรมีการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับองค์ประกอบและการได้มาซึ่งคณะกรรมการ รัฐวิสาหกิจ โดยแก้ไขพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 12/1 ประกอบกับปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ กรรมการรัฐวิสาหกิจให้มีความเหมาะสม และควรตรากฎหมายว่าด้วยการพัฒนาการกำกับดูแลและ บริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อให้หลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจมีความชัดเจนมากขึ้น 2. ควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการใน รัฐวิสาหกิจให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานในระบบคณะกรรมการเข้มแข็งและ ก่อให้เกิดสภาวะการตรวจสอบถ่วงดุล 3. เสนอให้รัฐควรตรากฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการขัดกัน แห่งผลประโยชน์ขึ้นมาใหม่สองฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วน บุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... เพื่อให้ครอบคลุมถึงลักษณะการกระทำที่เป็นการขัดกันของ ตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ทั้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นอนาคต 4. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดจำนวนการดำรงตำแหน่งและค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ให้มีความเหมาะสมและสามารถ ตรวจสอบได
วิธีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการศึกษาหลักการพื้นฐาน แนวคิดทฤษฎีว่า ด้วยเรื่องรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และหลักการ ขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนที่สอง เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่ และหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจในระบบกฎหมายไทย และระบบกฎหมายต่างประเทศ ที่ผู้วิจัยเห็นว่ามีความสำคัญ พบว่า 1. องค์ประกอบและการได้มาซึ่ง คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจในปัจจุบัน ยังมีปัญหาอยู่หลายประการ ซึ่งเกิดจากตัวบทบัญญัติกฎหมายที่ เปิดช่องว่างให้ใช้ดุลพินิจหรือความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติ อันเป็นเหตุให้เกิดการแทรกแซงจาก อำนาจในทางการเมือง หรืออำนาจจากภายนอกโดยมิชอบ โดยแทรกแซงผ่านกระบวนการสรรหา และแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ ทำให้การได้มาซึ่งคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจขาดประสิทธิภาพและ นำไปซึ่งการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ 2. การกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามและสิทธิ ประโยชน์ของกรรมการรัฐวิสาหกิจ ยังขาดความชัดเจนและไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมถึงลักษณะการ กระทำที่เป็นการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ 3. การควบคุมกำกับดูแล รัฐวิสาหกิจไม่บรรลุวัตถุประสงค์เนื่องมาจากกฎหมายเปิดช่องว่างให้มีการใช้ดุลพินิจในการสรรหา และแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจได้ ทำให้
เจ้าหน้าที่ของรัฐมีสองฐานะในเวลาเดียวกัน โดยฐานะแรกเป็นผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ควบคุมกำกับดูแลหรือตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ และในฐานะที่สองคือการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดำรง ตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ต้องปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์เสียเอง จึงเป็นการไม่ เหมาะสมและขัดกับหลักการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่ 4. กลไกในการควบคุมตรวจสอบการใน ปัจจุบัน ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันการขัดกันของตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่ง ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและสลับซับซ้อน มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาทั้ง 4 ประการดังกล่าว ผู้วิจัยขอเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา กล่าวคือ 1. ควรมีการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับองค์ประกอบและการได้มาซึ่งคณะกรรมการ รัฐวิสาหกิจ โดยแก้ไขพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 12/1 ประกอบกับปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ กรรมการรัฐวิสาหกิจให้มีความเหมาะสม และควรตรากฎหมายว่าด้วยการพัฒนาการกำกับดูแลและ บริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อให้หลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจมีความชัดเจนมากขึ้น 2. ควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการใน รัฐวิสาหกิจให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานในระบบคณะกรรมการเข้มแข็งและ ก่อให้เกิดสภาวะการตรวจสอบถ่วงดุล 3. เสนอให้รัฐควรตรากฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการขัดกัน แห่งผลประโยชน์ขึ้นมาใหม่สองฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วน บุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... เพื่อให้ครอบคลุมถึงลักษณะการกระทำที่เป็นการขัดกันของ ตำแหน่งหน้าที่และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ทั้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นอนาคต 4. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดจำนวนการดำรงตำแหน่งและค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ให้มีความเหมาะสมและสามารถ ตรวจสอบได
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2561