การศึกษาเพื่อกำหนดคำนิยามเมืองในประเทศไทย
Publisher
Issued Date
1993
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
xi, 198 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
โสภาคย์ ผาสุขนิรันต์ (1993). การศึกษาเพื่อกำหนดคำนิยามเมืองในประเทศไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/914.
Title
การศึกษาเพื่อกำหนดคำนิยามเมืองในประเทศไทย
Alternative Title(s)
A study of Thailand Urban Areas to determine an Urban Definition (to distinguish socio-economic from administrative criteria)
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การกล่าวถึงเมืองในความหมายที่ใช้ทางวิชาการ ต้องมีคำจำกัดความที่ชัดเจนมากกว่าความหมายที่เข้าใจกันตามสามัญสำนึกทั่วไป การศึกษาเพื่อกำหนดคำนิยามเมืองจึงเป็นการเสนอวิธีจำกัดความหมายของคำว่าเมือง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในระดับพื้นฐานของแนวคิด คำนิยามเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับจะป้องกันไม่ให้มีการแปลความหมายที่ไขว้เขว หรือทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน นอกจากนั้น คำนิยามเมืองยังใช้เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาคุณสมบัติของพื้นที่ เพื่อให้สามารถระบุขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของเมือง สำหรับใช้เป็นหน่วยศึกษาวิเคราะห์ในประเด็นการศึกษาเกี่ยวกับชุมชนเมือง ดังนั้น คำนิยามเมืองที่กำหนดขึ้นนี้จึงให้ความสำคัญแก่ปรากฏการณ์เมืองในฐานะที่เป็นหน่วยทางสังคมเศรษฐกิจของท้องที่ มากกว่าการมีฐานะเป็นหน่วยงานทางการปกครอง.
ประเทศไทยไม่มีคำนิยามหรือการกำหนดเขตชุมชนเมืองไว้เป็นมาตรฐาน และไม่มีการรวบรวมสถิติในเรื่องนี้ไว้อย่างเป็นทางการเหมือนในต่างประเทศที่มีความก้าวหน้า การปราศจากคำนิยามที่เป็นทางการทำให้การศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเมืองในประเทศไทยมีลักษณะกระจัดกระจายในแนวคิดพื้นฐาน และส่วนใหญ่ต้องอาศัยเขตของหน่วยการปกครองท้องถิ่นในรูปของเทศบาลให้มีความหมายเป็นเขตชุมชนเมือง วิธีการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออาศัยตัวเลขสถิติที่รวบรวมไว้ในทะเบียนราษฎร์นำไปใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ของเมือง ทั้ง ๆ ที่ได้ตระหนักถึงปัญหาในทางวิชาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างสภาพพื้นที่ของชุมชนเมืองกับอาณาเขตทางการปกครองของเทศบาล
วัตถุประสงค์ของวิทยานิพนธ์มุ่งศึกษาปรากฏการณ์ของเมืองในประเทศไทย เพื่อแสวงหาข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมือง และนำไปเสนอเป็นคำนิยามเมืองที่มีเงื่อนไขรายละเอียดสอดคล้องกับลักษณะของเมืองในประเทศไทย.
วิธีการศึกษาแยกออกเป็นสองแนวทาง ในแนวทางที่หนึ่ง มุ่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมือง โดยอาศัยวิธีสังเกตการณ์จากพื้นที่ชุมชนเมืองในประเทศไทย การสังเกตการณ์มีแนวทฤษฎีมนุษย์นิเวศน์เป็นกรอบความคิดของการศึกษา โดยมุ่งสนใจตัวแปรสำคัญคือ ขนาดของประชากร การควบคุมสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ พัฒนาการทางเทคโนโลยี และพัฒนาการขององค์กรทางสังคม ในแนวทางที่สอง เป็นการค้นคว้าทางวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักวิธีการกำหนดคำนิยามของเมือง รวมทั้งลักษณะของคำนิยามของเมืองในต่างประเทศ ผลลัพธ์ของการศึกษาจากทั้งสองแนวทางนำไปสู่การนำเสนอคำนิยามสำหรับประเทศไทย ที่เกิดจากการอาศัยข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมืองเป็นบรรทัดฐานทางด้านเนื้อหาสาระ และอาศัยความรู้จากการค้นคว้าทางวรรณกรรมเกี่ยวกับการกำหนดคำนิยามของเมืองในต่างประเทศเป็นบรรทัดฐานทางด้านรูปแบบการนำเสนอเป็นคำนิยาม
จากการเก็บข้อมูลด้วยวิธีสังเกตการณ์ในพื้นที่ชุมชนเมืองรวม 4 แห่ง คือ ชุมชนเมืองนครนายก ชุมชนเมืองอุตรดิตถ์ ชุมชนเมืองเชียงใหม่ และชุมชนเมืองกระบี่ มีการบันทึกข้อมูลตามจุดสังเกตการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 207 จุด พร้อมกับการบันทึกเป็นภาพถ่ายไว้ทุกจุดสังเกตการณ์ จำนวนทั้งสิ้น 620 ภาพ ผลจากการศึกษาได้พบข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของเมืองในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 12 ประการ แบ่งออกเป็น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ 2 ประการ ลักษณะทางมนุษย์นิเวศน์ 6 ประการ และลักษณะทางด้านอื่นที่เป็นองค์ประกอบของเมืองซึ่งช่วยให้คำอธิบายมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีก 4 ประการ.
ลักษณะของเมืองในประเทศไทยที่สำคัญและพิจารณานำไปเป็นเงื่อนไขประกอบอยู่ในคำนิยามที่นำเสนอ ได้แก่ บริเวณตัวเมือง พื้นที่เขตเมือง ชุมนุมชนแบบเมือง และพื้นที่ว่าง.
ผลลัพธ์ของการศึกษาได้เสนอเป็นคำนิยามของเมืองสำหรับประเทศไทย ประกอบด้วย เงื่อนไขรายละเอียดทั้งสิ้น 4 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ เงื่อนไขด้านประชากร 1 ข้อ และเงื่อนไขด้านมนุษย์นิเวศน์ 3 ข้อ
แนวนโยบายที่เกิดขึ้นจากข้อสรุปของการศึกษาชี้ให้เห็นหนทางที่เป็นประโยชน์ต่อการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีการพัฒนาขึ้นเป็นชุมชนเมือง ข้อสรุปของวิทยานิพนธ์ทำให้เห็นความสำคัญของการประเมินระดับการพัฒนาของพื้นที่ในฐานะที่เป็นหน่วยทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ผูกพันอยู่กับขอบเขตทางการปกครอง ผลลัพธ์ของการศึกษาช่วยนำไปสู่การทบทวนในแนวคิด และวิธีปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง และช่วยให้เกิดความชัดเจนขึ้นเป็นรูปธรรมสำหรับการพิจารณาปรับปรุงอาณาเขตของเทศบาลและสุขาภิบาล
ประเทศไทยไม่มีคำนิยามหรือการกำหนดเขตชุมชนเมืองไว้เป็นมาตรฐาน และไม่มีการรวบรวมสถิติในเรื่องนี้ไว้อย่างเป็นทางการเหมือนในต่างประเทศที่มีความก้าวหน้า การปราศจากคำนิยามที่เป็นทางการทำให้การศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเมืองในประเทศไทยมีลักษณะกระจัดกระจายในแนวคิดพื้นฐาน และส่วนใหญ่ต้องอาศัยเขตของหน่วยการปกครองท้องถิ่นในรูปของเทศบาลให้มีความหมายเป็นเขตชุมชนเมือง วิธีการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออาศัยตัวเลขสถิติที่รวบรวมไว้ในทะเบียนราษฎร์นำไปใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ของเมือง ทั้ง ๆ ที่ได้ตระหนักถึงปัญหาในทางวิชาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างสภาพพื้นที่ของชุมชนเมืองกับอาณาเขตทางการปกครองของเทศบาล
วัตถุประสงค์ของวิทยานิพนธ์มุ่งศึกษาปรากฏการณ์ของเมืองในประเทศไทย เพื่อแสวงหาข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมือง และนำไปเสนอเป็นคำนิยามเมืองที่มีเงื่อนไขรายละเอียดสอดคล้องกับลักษณะของเมืองในประเทศไทย.
วิธีการศึกษาแยกออกเป็นสองแนวทาง ในแนวทางที่หนึ่ง มุ่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมือง โดยอาศัยวิธีสังเกตการณ์จากพื้นที่ชุมชนเมืองในประเทศไทย การสังเกตการณ์มีแนวทฤษฎีมนุษย์นิเวศน์เป็นกรอบความคิดของการศึกษา โดยมุ่งสนใจตัวแปรสำคัญคือ ขนาดของประชากร การควบคุมสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ พัฒนาการทางเทคโนโลยี และพัฒนาการขององค์กรทางสังคม ในแนวทางที่สอง เป็นการค้นคว้าทางวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักวิธีการกำหนดคำนิยามของเมือง รวมทั้งลักษณะของคำนิยามของเมืองในต่างประเทศ ผลลัพธ์ของการศึกษาจากทั้งสองแนวทางนำไปสู่การนำเสนอคำนิยามสำหรับประเทศไทย ที่เกิดจากการอาศัยข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเมืองเป็นบรรทัดฐานทางด้านเนื้อหาสาระ และอาศัยความรู้จากการค้นคว้าทางวรรณกรรมเกี่ยวกับการกำหนดคำนิยามของเมืองในต่างประเทศเป็นบรรทัดฐานทางด้านรูปแบบการนำเสนอเป็นคำนิยาม
จากการเก็บข้อมูลด้วยวิธีสังเกตการณ์ในพื้นที่ชุมชนเมืองรวม 4 แห่ง คือ ชุมชนเมืองนครนายก ชุมชนเมืองอุตรดิตถ์ ชุมชนเมืองเชียงใหม่ และชุมชนเมืองกระบี่ มีการบันทึกข้อมูลตามจุดสังเกตการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 207 จุด พร้อมกับการบันทึกเป็นภาพถ่ายไว้ทุกจุดสังเกตการณ์ จำนวนทั้งสิ้น 620 ภาพ ผลจากการศึกษาได้พบข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของเมืองในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 12 ประการ แบ่งออกเป็น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ 2 ประการ ลักษณะทางมนุษย์นิเวศน์ 6 ประการ และลักษณะทางด้านอื่นที่เป็นองค์ประกอบของเมืองซึ่งช่วยให้คำอธิบายมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีก 4 ประการ.
ลักษณะของเมืองในประเทศไทยที่สำคัญและพิจารณานำไปเป็นเงื่อนไขประกอบอยู่ในคำนิยามที่นำเสนอ ได้แก่ บริเวณตัวเมือง พื้นที่เขตเมือง ชุมนุมชนแบบเมือง และพื้นที่ว่าง.
ผลลัพธ์ของการศึกษาได้เสนอเป็นคำนิยามของเมืองสำหรับประเทศไทย ประกอบด้วย เงื่อนไขรายละเอียดทั้งสิ้น 4 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ เงื่อนไขด้านประชากร 1 ข้อ และเงื่อนไขด้านมนุษย์นิเวศน์ 3 ข้อ
แนวนโยบายที่เกิดขึ้นจากข้อสรุปของการศึกษาชี้ให้เห็นหนทางที่เป็นประโยชน์ต่อการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีการพัฒนาขึ้นเป็นชุมชนเมือง ข้อสรุปของวิทยานิพนธ์ทำให้เห็นความสำคัญของการประเมินระดับการพัฒนาของพื้นที่ในฐานะที่เป็นหน่วยทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ผูกพันอยู่กับขอบเขตทางการปกครอง ผลลัพธ์ของการศึกษาช่วยนำไปสู่การทบทวนในแนวคิด และวิธีปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง และช่วยให้เกิดความชัดเจนขึ้นเป็นรูปธรรมสำหรับการพิจารณาปรับปรุงอาณาเขตของเทศบาลและสุขาภิบาล
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ด. (การบริหารการพัฒนา))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2536.