ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
Publisher
Issued Date
2017
Issued Date (B.E.)
2560
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
210 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b199284
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
นภาภรณ์ แสงสุวอ (2017). ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6298.
Title
ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
Alternative Title(s)
Helth problems and occupational safety behaviors of junk-shop workers in Prawat District, Bangkok
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัย ในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า 2) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับ พฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า และ 3) เสนอแนะแนวทาง การส่งเสริมสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ร้านรับซื้อของเก่า ในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จำนวน 31 แห่ง และคนงานจำนวน 125 คน ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติตามที่กำหนด โดยใช้แบบสอบถามกึ่ง สัมภาษณ์และแบบตรวจประเมินร้านรับซื้อของเก่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS สถิติที่ใช้ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test (Independent Samples) และF-test (One-Way ANOVA) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ0.05 ผลการศึกษา พบว่า คนงานในร้านรับซื้อของเก่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งเป็นเพศชาย (ร้อยละ 59.80) โดยคนงานแต่ละคนสามารถทำงานได้หลายหน้าที่ ร้อยละ 90.40 ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง คนงานสัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพด้านกายภาพมากที่สุด โดยสัมผัสฝุ่นละออง ร้อยละ 67.20 ทำงาน ในบริเวณที่มีความร้อนและแสงแดด ร้อยละ 36.00 ท างานในบริเวณที่มีเสียงดังจากเครื่องจักร ร้อยละ 12.00 สัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพด้านเคมี ร้อยละ 19.20และสัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพด้าน ชีวภาพ ร้อยละ 20.80 จากการสัมภาษณ์ปัญหาสุขภาพ พบว่า คนงานมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ ร้อยละ 65.60 มีอาการทางผิวหนังร้อยละ 53.60 มีอาการทางสายตาและการมองเห็น ร้อยละ 40.80 มีอาการทางการได้ยินร้อยละ 40.00 และมีอาการทางระบบทางเดินหายใจร้อยละ 36.80 ส่วน พฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของคนงานโดยรวม พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง ผลการปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของ คนงานในร้านรับซื้อของเก่า พบว่า คนงานที่มีเพศแตกต่างกัน มีพฤติกรรมความปลอดภัยในการ ทำงานในภาพรวมที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลจากการศึกษา พบว่า คนงานยังไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ เหมาะสมกับลักษณะงาน ขาดความรู้ ความเข้าใจในด้านการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยใน การทำงาน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการทางด้านสุขภาพยังมีน้อย และจากการสำรวจการ จัดการสิ่งแวดล้อมภายในร้านรับซื้อของเก่า พบว่า ร้านรับซื้อของเก่าไม่ได้จัดให้มีที่อาบน้ำชำระ ร่างกายเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในบริเวณพื้นที่สถานประกอบการ โดยมีร้านรับซื้อของเก่าที่ผ่าน เกณฑ์การตรวจประเมินดังกล่าวเพียงร้อยละ 6.50เท่านั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินในสถานประกอบการ อาจทำให้เกิดอันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนงานได้ ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพจากการทำงานกับอาการ เจ็บป่วย 5 กลุ่มอาการ ด้วยวิธี Odds Ratio (OR) พบว่า คนงานที่สัมผัสปัจจัยเสี่ยงในเรื่องแสงสว่าง ความร้อนในขั้นตอนการคัดแยกกระดาษ เสียงดังในขั้นตอนการบดพลาสติกและอัดกระดาษ และมี ท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมในขั้นตอนการนำของเก่าบรรจุภาชนะ มีโอกาสเจ็บป่วยหรือมี อาการทางผิวหนัง อาการทางการได้ยิน และอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อมากกว่า คนงานที่ไม่ได้สัมผัสปัจจัยเสี่ยง แนวทางการส่งเสริมสุขภาพและพฤติกรรมความปลอดภัยในการ ทำงานของคนงานในร้านรับซื้อของเก่า คือการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่า ให้ เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเองต่อองค์กร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่คนงานถึงวิธีการทำงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย จัดทำคู่มือหรือแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมใน การทำงานให้แก่คนงาน รวมถึงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับความ ร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เจ้าของสถานประกอบการและผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่คุกคาม สุขภาพจากการทำงานและส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานที่ปลอดภัย
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (การจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560