การวิเคราะห์เปรียบเทียบกรอบแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลกับการรายงานความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ : กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติแบบพลังงานความร้อนร่วมในประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2024
Issued Date (B.E.)
2567
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
5 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Citation
เมธินี พงษ์ศัก (2024). การวิเคราะห์เปรียบเทียบกรอบแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลกับการรายงานความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ : กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติแบบพลังงานความร้อนร่วมในประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7195.
Title
การวิเคราะห์เปรียบเทียบกรอบแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลกับการรายงานความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ : กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติแบบพลังงานความร้อนร่วมในประเทศไทย
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยฉบับนี้เป็นการวิจัยเอกสารมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และนำเสนอแนวทางในประยุกต์ใช้ พัฒนา และปรับปรุงการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานสากล
ด้านความหลากหลายทางชีวภาพกับรายงานความยั่งยืน กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแบบพลังงานความร้อนร่วม ใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
เปรียบเทียบ(Benchmarking) วิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) จากเอกสารรายงานความยั่งยืนและข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะด้านความหลากหลายทางชีวภาพในช่วงปีพ.ศ. 2565–2567 ของบริษัทพลังงานโรงไฟฟ้า 6 แห่ง (ในประเทศไทย 3 แห่งและต่างประเทศ 3 แห่ง) พบว่ามาตรฐานด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสามฉบับได้แก่ GRI101 Biodiversity, TNFD และ ESRS E4 มีจุดเชื่อมโยงกันของข้อกำหนดใน 9 ประเด็นสำคัญ และ 6 มิติ จากนั้นได้พัฒนาเครื่องมือรายการตรวจสอบแบบบูรณาการทั้ง 3 มาตรฐาน (Integrated Checklist) เพื่อใช้ประเมินเนื้อหาเอกสารรายงานความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ผลการวิเคราะห์และเปรียบเทียบพบช่องว่างสำคัญ ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลเชิงพื้นที่ การพึ่งพาธรรมชาติ การประเมินความเสี่ยงจากธรรมชาติ การกำหนดตัวชี้วัดเชิงระบบนิเวศ และการบูรณาการกลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพระดับองค์กร โดยพบโรงไฟฟ้า (B) ในประเทศไทยและโรงไฟฟ้า (E) ในต่างประเทศมีการดำเนินการและเปิดเผยข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพครอบคลุม 9 ประเด็นสำคัญและ 6 มิติ ผลการเปรียบเทียบแบ่งระดับการเปิดเผยรายงานความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพของโรงไฟฟ้าออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มผู้นำมีการดำเนินการเชิงรุกสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้ง 3 มาตรฐานในมุมมองแบบบูรณาการ 9 ประเด็นสำคัญและ 6 มิติ กลุ่มปานกลางมีบางมิติที่ทำได้แต่หลายมิติ สามารถพิจารณายกระดับต่อไป และกลุ่มเริ่มต้นเพิ่งเริ่มดำเนินการประยุกต์ปฏิบัติตามกรอบการดำเนินการตามมาตรฐานสากล โดยสรุปช่องว่างและโอกาสในการพัฒนาซึ่งเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 อันดับแรกดังนี้ 1)การเปิดเผยข้อมูลเชิงพื้นที่ระบุพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางชีวภาพ พื้นที่สำคัญตามระบบนิเวศในรายงาน การแสดงพิกัดหรือการทำแผนที่ที่ชัดเจนของพื้นที่ดำเนินงานที่อาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ 2)การพึ่งพาธรรมชาติถึงข้อมูลการวิเคราะห์ว่ากิจกรรมขององค์กรพึ่งพาระบบนิเวศด้านใด เช่น แหล่งน้ำ บริการระบบนิเวศ และเปิดเผยว่าความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติมีผลต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร 3)การประเมินความเสี่ยงจากธรรมชาติเชื่อมโยงความเสี่ยงและโอกาสจากธรรมชาติกับการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร เสนอแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงดังนี้
(1) เชิงนโยบายการส่งเสริมให้มีการจัดทำนโยบายและแนวทางระดับประเทศที่บูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพเข้ากับแผนพลังงานและแผน ESG (2) เชิงกลยุทธ์การตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ในระดับองค์กร เช่น การไม่มีความสูญเสียสุทธิ (No Net Loss) และการพัฒนาตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายโลก เช่น SDG 14 SDG 15 และ GBF 2573 (3) เชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพรายพื้นที่ (BAP) การติดตามผลและเปิดเผยข้อมูลเชิงพื้นที่อย่างโปร่งใส และ (4) เชิงกฎหมายการเร่งออกกฎหมายด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่สนับสนุนให้ภาคธุรกิจดำเนินการตามกรอบมาตรฐานสากล เช่น GRI, TNFD และ ESRS โดยสอดคล้องกับกรอบงานกรอบความหลากหลายทางชีวภาพโลกคุนหมิงมอนทรีออล ข้อเสนอแนะนี้มีเป้าหมายนำไปสู่การยกระดับความยั่งยืนของภาคพลังงานไทยในบริบทของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและระบบนิเวศ และยกระดับประเทศไทยสู่การดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายธรรมชาติเป็นบวกและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสากล
Table of contents
Description
การค้นคว้าอิสระ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567