ประสิทธิผลของโครงการพิธีปาฐกถาธรรมเพื่อป้องปรามการซื้อสิทธิขายเสียงภายใต้แนวทางการสามัคคีเด็กนักเรียนชนบทในการสนับสนุนเผยแผ่ธรรม : กรณีวิจัยปฏิบัติการในเขตเลือกตั้ง ค จังหวัดนครราชสีมา
dc.contributor.advisor | แสวง รัตนมงคลมาศ, อาจารย์ที่ปรึกษา | th |
dc.contributor.author | เบญจวรรณ พัวเจริญเกียรติ | th |
dc.date.accessioned | 2014-05-05T09:26:21Z | |
dc.date.available | 2014-05-05T09:26:21Z | |
dc.date.issued | 1993 | th |
dc.date.issuedBE | 2536 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2536. | th |
dc.description.abstract | การศึกษาวิจัยนี้ เป็นการวิจัยปฏิบัติการที่มุ่งนำวิชาการไปรับใช้การรณรงค์เลือกตั้งอย่างมีระบบ และมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการป้องปรามการซื้อสิทธิขายเสียง โดยการรณรงค์กับเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียนเป็นสื่อให้ผู้ปกครองและเพื่อนบ้าน มีความตื่นตัวในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 13 กันยายน 2535 และเพื่อศึกษาประสิทธิผลของแนวทางการสามัคคีเด็กนักเรียนชนบทในการสนับสนุนเผยแผ่ธรรม | th |
dc.description.abstract | แนวคิดที่เป็นกรอบชี้นำการศึกษาครั้งนี้ คือแนวคิดเรื่องศาสนากับสังคม แนวคิดเรื่องศาสนากับการเมือง แนวคิดเรื่องประสิทธิผลโครงการ และแนวคิดเรื่องปัจจัยนำเข้า-ปัจจัยส่งออก | th |
dc.description.abstract | กลุ่มตัวอย่างที่ใช้วิจัย คือกลุ่มนักเรียนชนบท ซึ่งเป็นนักศึกษาวิชาทหารทั้งชายและหญิง จากโรงเรียนมัธยมศึกษาจำนวน 5 โรงเรียน 5 อำเภอ จังหวัดนครราชสีมารวม 331 คนโดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ แล้วจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา อธิบายผลการสำรวจเบื้องต้น และใช้สถิติวิเคราะห์เพื่อทดสอบสมมติฐาน โดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว ใช้วิธีการของเชฟเฟ่และทีเทสต์ เพื่อดูความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ในการทดสอบสมมติฐานที่ 1, 2, 3 และใช้การวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์ และค่าความถดถอยเชิงพหุในการทดสอบสมมติฐานที่ 4 และ 5. | th |
dc.description.abstract | ส่วนการวิจัยปฏิบัติการ เป็นการปฏิบัติการจริงตามกรอบแนวคิดในพื้นที่ดำเนินการโครงการพิธีปาฐกถาธรรม และการติดตามผลโครงการหลังจากดำเนินการไปแล้วประมาณ 4 เดือน | th |
dc.description.abstract | ผลการวิจัย พบว่า. | th |
dc.description.abstract | 1. ภูมิหลังด้านครอบครัวที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลของแนวทางการสามัคคีเด็กนักเรียนชนบทในการสนับสนุนเผยแผ่ธรรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05. | th |
dc.description.abstract | 2. ภูมิหลังด้านเศรษฐกิจด้านรายได้ของครอบครัวที่แตกต่างกัน มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนภูมิหลังด้านอาชีพและการครอบครองที่ดินที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05. | th |
dc.description.abstract | 3. ภูมิหลังด้านการเมือง ด้านการซื้อขายเสียงระดับชาติและระดับท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05. | th |
dc.description.abstract | 4. ด้านความจำ ความเข้าใจในบทธรรม มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ความประทับใจในบทธรรม มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05. | th |
dc.description.abstract | 5. ด้านความจำ ความเข้าใจในพิธีกรรม มีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ความประทับใจในพิธีกรรมมีความสัมพันธ์กับการบรรลุประสิทธิผลฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05. | th |
dc.description.abstract | นอกจากนี้เมื่อศึกษาระดับประสิทธิผล พบว่า เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพิธีปาฐกถาธรรมบรรลุประสิทธิผลระดับสูง จำนวน 229 คน คิดเป็นร้อยละ 69.18 บรรลุประสิทธิผลระดับกลาง จำนวน 80 คน คิดเป็นร้อยละ 24.17 และบรรลุประสิทธิผลระดับต่ำ จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 6.65. | th |
dc.description.abstract | จากผลการวิจัยนี้ ผู้วิจัยได้ข้อสรุปที่ยืนยันว่าแนวคิดปัจจัยนำเข้า-ปัจจัยส่งออกเป็นแนวคิดที่เหมาะสมในการวิจัยแบบเป็นกระบวนการ แต่อย่างไรก็ตามในการวิจัยครั้งต่อไป ควรนำแนวคิดด้านพุทธศาสนากับการเลือกตั้ง มาใช้ในการวิจัยให้มากขึ้น ส่วนตัวแปรในการวิจัยควรมีการรวมตัวแปรด้านบทธรรม (ความจำ ความเข้าใจ ความประทับใจในบทธรรม) เป็นตัวแปรเพียง 1 ตัวแปร และรวมตัวแปรด้านพิธีกรรม (ความจำ ความเข้าใจ ความประทับใจในพิธีกรรม) เป็นตัวแปรเพียง 1 ตัวแปร เนื่องจากตัวแปรย่อยดังกล่าวมีความหมายที่ใกล้เคียงกันมาก และกลุ่มเป้าหมายไม่สามารถจำแนกความแตกต่างของตัวแปรย่อยได้ | th |
dc.description.abstract | นอกจากนี้ ในการศึกษาครั้งต่อไปควรมีการสัมภาษณ์และติดตามผลจากกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ปกครองและเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนข้อมูลที่ได้จากการวิจัยปฏิบัติการและจากเด็กนักเรียน | th |
dc.format.extent | ก-ฑ, 140 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.1993.24 | |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1796 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject | เด็ก | th |
dc.subject | การเมือง | th |
dc.subject.lcc | JQ 1749 .A53N37 บ53 | th |
dc.subject.other | เด็กกับการเมือง | th |
dc.subject.other | การเลือกตั้ง -- ไทย -- นครราชสีมา | th |
dc.subject.other | สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร -- ไทย -- นครราชสีมา -- การเลือกตั้ง | th |
dc.title | ประสิทธิผลของโครงการพิธีปาฐกถาธรรมเพื่อป้องปรามการซื้อสิทธิขายเสียงภายใต้แนวทางการสามัคคีเด็กนักเรียนชนบทในการสนับสนุนเผยแผ่ธรรม : กรณีวิจัยปฏิบัติการในเขตเลือกตั้ง ค จังหวัดนครราชสีมา | th |
dc.title.alternative | The effectiveness of the dharma lecture ceremony project for preventing vote buying and selling under the approach of seeking co-operation and support of rural students in dharma dissemination : a case of action research in election area C, Nakornratchasima province | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะพัฒนาสังคม | th |
thesis.degree.discipline | ปฏิบัติการทางสังคม | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต | th |
Files
Original bundle
1 - 1 of 1
- Name:
- nida-ths-b6290.pdf
- Size:
- 1.98 MB
- Format:
- Adobe Portable Document Format
- Description:
- Full Text