การประเมินการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
Publisher
Issued Date
2012
Issued Date (B.E.)
2555
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
265 แผ่น : ; 30 ซม.
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
พิเชฐ โสภณแพทย์ (2012). การประเมินการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/2019.
Title
การประเมินการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
Alternative Title(s)
An evaluation of public participation in environmental impact assessment : a study of the Khao Hin Son Coal-Fired Power Plant Project, Chachoengsao
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ประเมินการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผล กระทบทางสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน 2) ศึกษาปัจจัยความสําเร็จและ ปัญหา/อุปสรรคของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของ โครงการฯ 3) นําเสนอแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ผู้วิจัยได้ประยุกต์หลัก CIPP-I Model ในการ ประเมินผล โดยการพิจารณาด้านบริบท ด้านปัจจัยนําเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้าน ผลกระทบ ของกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน โดยมีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interviews) กับผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ของโครงการ ร่วมกับการศึกษาเอกสาร (Documentary Research) ผลการศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการฯ ตามกรอบการประเมิน CIPP-I Model พบว่า 1) ด้านบริบทของโครงการ พบว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนยังคงเป็นเรื่องใหม่ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้แก่ประชาชน พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ควรได้รับการแก้ไขให้ประชาชน สามารถมีส่วนร่วมในการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างมีความหมาย (Meaningful PublicParticipation) 2) ด้านปัจจัยนําเข้า พบว่างบประมาณและบุคลากรที่ใช้ในกระบวนการมีส่วน ร่วมของประชาชนมีความเหมาะสมเพียงพอ แต่ในส่วนของประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจ อย่างถูกต้องเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม 3) ด้าน กระบวนการ พบว่าผู้ดําเนินโครงการดําเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้เหมาะสม แต่ยังมีผู้มีส่วนได้เสียบางส่วนที่ไม่เข้าร่วมในกระบวนการ ส่งผลให้ขาดความครอบคลุมของผู้มีส่วนได้เสีย 4) ด้านผลผลิต พบว่ารายงานการประเมินผล กระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้จนกว่าโครงการนั้นจะได้รับอนุมัติให้ดําเนินโครงการ ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถรับรู้ข้อมูลในรายงานและไม่สามารถขอเพิ่มเติม ข้อมูลต่างๆ ได้ 5) ด้านผลกระทบ พบว่าการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการจะช่วยป้องกัน และลดความขัดแย้งได้รวมถึงผู้ดําเนินโครงการต้องจัดกิจกรรมให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนใน พื้นที่มากที่สุด ซึ่งจะนําไปสู่การอยู่ร่วมกันระหว่างโครงการกับประชาชนอย่างยั่งยืน ปัจจัยความสําเร็จในการดําเนินการ ได้แก่การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการ มีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้แก่ทุกภาคส่วน ในส่วนของ ปัญหาและอุปสรรคในการดําเนินการ พบว่าผู้นําชุมชนขาดความตระหนักและความกระตือรือร้น ในประสานความร่วมมือระหว่างประชาชนและผู้ดําเนินโครงการ ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่1) ภาครัฐ ควรมีหน่วยงานฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2) จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการศึกษาและจัดทํารายงานการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งทําให้ผู้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป้นอิสระจากเจ้าของ โครงการ 3) ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนรับทราบข้อมูลในรายงานการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีส่วนร่วมในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ และสามารถเพิ่มเติมข้อมูลต่อผู้พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ และ 4) ผู้ดําเนินโครงการควรนําหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการอย่างครบถ้วน พร้อมรับฟัง ความเห็นของประชาชนตั้งแต่การเลือกพื้นที่ตั้งโครงการ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์,