ปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศึกษากรณี การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงานเอกชน
Publisher
Issued Date
2016
Issued Date (B.E.)
2559
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
133 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b194172
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
จันทร์ทิพย์ แสงแปง (2016). ปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศึกษากรณี การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงานเอกชน. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5044.
Title
ปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศึกษากรณี การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงานเอกชน
Alternative Title(s)
Problems of personal information protection case study : personal information accumulation in private organization
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งเน้นศึกษาปัญหาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงานเอกชน ตาม
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ศึกษาแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใน
ประเทศต่าง ๆ ที่มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานเอกชนที่ชัดเจน เช่น ประเทศแคนาดา
ประเทศสวีเดน และประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น และศึกษาแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใน
มาตรฐานสากล รวมถึงวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงาน
เอกชน
เนื่องจากในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้หน่วยงานเอกชนสามารถเก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลข้อมูล และส่งผ่านข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติ และอีกหลากหลายกิจกรรม แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้เกิดการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยง่าย เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าสู่มือของมิจฉาชีพ หรือธุรกิจที่ แอบแฝงผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกัน
จากการศึกษาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... และแนวทางการคุ้ม ครองข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศพบว่า ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ยัง ขาดความชัดเจนในเรื่องการขอความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง และการแจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล กล่าวคือ ปัญหาการ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูล ซึ่งท าให้หน่วยงานเอกชนสามารถ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูลก่อน เพียงแค่แจ้งให้เจ้าของ ข้อมูลทราบเท่านั้น ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้กระจาย ข้อมูลเป็นยังแหล่งอื่นได้โดยง่าย และปัญหาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการ จัดเก็บข้อมูลนั้น ทำให้หน่วยงานเอกชนสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยที่ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล หรือไม่กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลให้ชัดเจน หรือ นำข้อมูลไปใช้เกิน กว่ากรอบของวัตถุประสงค์ที่เคยกำหนดไว้ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งสิ้น โดยอาศัยความคลุมเครือของกฎหมายทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบในการถูกละเมิด สิทธิส่วนบุคคล
ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้วิจัยเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... จึงควร แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 22 เพื่อกำหนดหลักการขอความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจาก แหล่งอื่น ซึ่งไม่ใช่เจ้าของข้อมูลโดยตรง และกำหนดหลักการแจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลให้ ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เนื่องจากในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้หน่วยงานเอกชนสามารถเก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลข้อมูล และส่งผ่านข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติ และอีกหลากหลายกิจกรรม แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้เกิดการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยง่าย เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าสู่มือของมิจฉาชีพ หรือธุรกิจที่ แอบแฝงผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกัน
จากการศึกษาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... และแนวทางการคุ้ม ครองข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศพบว่า ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ยัง ขาดความชัดเจนในเรื่องการขอความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง และการแจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล กล่าวคือ ปัญหาการ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูล ซึ่งท าให้หน่วยงานเอกชนสามารถ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูลก่อน เพียงแค่แจ้งให้เจ้าของ ข้อมูลทราบเท่านั้น ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้กระจาย ข้อมูลเป็นยังแหล่งอื่นได้โดยง่าย และปัญหาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการ จัดเก็บข้อมูลนั้น ทำให้หน่วยงานเอกชนสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยที่ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล หรือไม่กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลให้ชัดเจน หรือ นำข้อมูลไปใช้เกิน กว่ากรอบของวัตถุประสงค์ที่เคยกำหนดไว้ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งสิ้น โดยอาศัยความคลุมเครือของกฎหมายทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบในการถูกละเมิด สิทธิส่วนบุคคล
ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้วิจัยเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... จึงควร แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 22 เพื่อกำหนดหลักการขอความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจาก แหล่งอื่น ซึ่งไม่ใช่เจ้าของข้อมูลโดยตรง และกำหนดหลักการแจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลให้ ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2559