การลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยกับหลักความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
Publisher
Issued Date
2017
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
286 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b201158
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
พัชรินทร์ วิทยาเอนกนันท์ (2017). การลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยกับหลักความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5847.
Title
การลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยกับหลักความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
Alternative Title(s)
The Death Penalty in Thailand Versus the Principles of The Protection of Human Dignity
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้ศึกษา การลงโทษประหารชีวิตในประเทศไทยกับหลักความคุ้มครองศักดิ์ศรี
ความเป็นมนุษย์มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวความคิดการลงโทษประหารชีวิตและหลักการ
คุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ว่าแท้จริงแล้วการที่รัฐให้ความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะทํา
ให้แนวความคิดการลงโทษประหารชีวิตที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่สอดคล้องกับศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์มากน้อยเพียงใด
วิธีการศึกษาใช้การศึกษาทางนิติศาสตร์เน้นการศึกษาจากเอกสาร โดยศึกษาแนวความคิด กฎหมายภายใน กฎหมายระหว่างประเทศ กติการะหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษประหาร ชีวิตกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ผลการศึกษาพบว่า การลงโทษประหารชีวิต เป็นมาตรการบังคับตามกฎหมายอาญาที่รุนแรง ที่สุดโดยเป็นการทําร้ายชีวิตของผู้ต้องโทษไม่ให้มีสิทธิดํารงอยู่อีกต่อไป เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความ เป็นมนุษย์ในฐานะที่เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งในการที่จะคุ้มครองสิทธิของมนุษย์อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ มีมาโดยธรรมชาติซึ่งแนวความคิดเกี่ยวกับการลงโทษประหารชีวิตและหลักการคุ้มครองศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์มีความผูกพันทั้งตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายใน ในส่วนความ ผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกได้แก่ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิ มนุษยชน ค.ศ.1948 ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องคุ้มครอง มิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน โดยที่การยอมรับศักดิ์ศรีแต่กําเนิดและสิทธิที่เท่าเทียมกัน และที่ไม่อาจเพิกถอนได้ของสมาชิกทั้งมวลแห่งครอบครัวมนุษยชาติทุกคนมีสิทธิในการมีชีวิต บุคคล ใดจะถูกกระทําการทรมาน หรือการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ํายีศักดิ์ศรี มิได้และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ค.ศ.1966 กติกาข้อ 6 (2) ที่กําหนดเพียงเงื่อนไขสําหรับประเทศที่ยังมิได้ยกเลิกโทษประหารชีวิต การลงโทษประหารชีวิตอาจ
กระทําได้เฉพาะคดีอุฉกรรจ์ที่สุดตามกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทําความผิด และพิธีสารเลือกรับ ฉบับที่ 2 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่มุ่งหมายให้ยกเลิก โทษประหารชีวิตกับอาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ทําให้การลงโทษ ประหารชีวิตตามกฎหมายของประเทศไทยถึงแม้เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แต่ก็ไม่เป็น การขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยเหตุที่กฎหมายระหว่างประเทศไม่ได้กําหนดข้อห้ามการ ลงโทษประหารชีวิต ส่วนความผูกพันตามกฎหมายภายในพบว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้รับการ ยอมรับและได้รับการคุ้มครองในรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและเป็นหลักประกัน ในสิทธิในชีวิตร่างกายซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังได้จํากัดอํานาจรัฐไว้ในมาตรา 26 ว่าการตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อ หลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและจะกระทบต่อ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้แต่พบว่ากฎหมายอาญา รวมทั้งกฎหมายพิเศษหลายฉบับมี บทบัญญัติลงโทษประหารชีวิต ซึ่งการลงโทษประหารชีวิตถึงแม้จะเป็นมาตรการที่ทําให้บรรลุ วัตถุประสงค์แห่งการลงโทษแต่เป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิในชีวิตอันเป็นการทําลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ของบุคคลซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐยอมรับและได้รับรองคุ้มครองไว้ดังนั้น บทบัญญัติการลงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายดังกล่าวจึงขัดต่อหลักการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ
ผู้เขียนเห็นว่า ควรมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบทลงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายอาญาและ กฎหมายพิเศษเป็นจําคุกตลอดชีวิตแทน และข้อค้นพบที่สําคัญคือ ถึงแม้กฎหมายระหว่างประเทศ และจารีตประเพณีระหว่างประเทศก็ไม่ได้ห้ามการลงโทษประหารชีวิต แต่ทิศทางในอนาคตจารีต ประเพณีระหว่างประเทศกําลังเป็นที่นิยมลัทธิการล้มเลิกการลงโทษประหารชีวิตมากขึ้น เหตุที่การ ลงโทษประหารชีวิตไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการมีสิทธิในชีวิตอันเป็น สิทธิที่มีมาโดยธรรมชาติการประหารชีวิตเป็นการทําลายคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่ากับเป็นการ ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงในภายหน้าในการยกเลิกโทษประหารชีวิตจะ ถูกดําเนินการภายใต้การยอมรับโดยจารีตประเพณีระหว่างประเทศ
วิธีการศึกษาใช้การศึกษาทางนิติศาสตร์เน้นการศึกษาจากเอกสาร โดยศึกษาแนวความคิด กฎหมายภายใน กฎหมายระหว่างประเทศ กติการะหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษประหาร ชีวิตกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ผลการศึกษาพบว่า การลงโทษประหารชีวิต เป็นมาตรการบังคับตามกฎหมายอาญาที่รุนแรง ที่สุดโดยเป็นการทําร้ายชีวิตของผู้ต้องโทษไม่ให้มีสิทธิดํารงอยู่อีกต่อไป เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความ เป็นมนุษย์ในฐานะที่เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งในการที่จะคุ้มครองสิทธิของมนุษย์อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ มีมาโดยธรรมชาติซึ่งแนวความคิดเกี่ยวกับการลงโทษประหารชีวิตและหลักการคุ้มครองศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์มีความผูกพันทั้งตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายใน ในส่วนความ ผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกได้แก่ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิ มนุษยชน ค.ศ.1948 ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องคุ้มครอง มิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน โดยที่การยอมรับศักดิ์ศรีแต่กําเนิดและสิทธิที่เท่าเทียมกัน และที่ไม่อาจเพิกถอนได้ของสมาชิกทั้งมวลแห่งครอบครัวมนุษยชาติทุกคนมีสิทธิในการมีชีวิต บุคคล ใดจะถูกกระทําการทรมาน หรือการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ํายีศักดิ์ศรี มิได้และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ค.ศ.1966 กติกาข้อ 6 (2) ที่กําหนดเพียงเงื่อนไขสําหรับประเทศที่ยังมิได้ยกเลิกโทษประหารชีวิต การลงโทษประหารชีวิตอาจ
กระทําได้เฉพาะคดีอุฉกรรจ์ที่สุดตามกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทําความผิด และพิธีสารเลือกรับ ฉบับที่ 2 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่มุ่งหมายให้ยกเลิก โทษประหารชีวิตกับอาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ทําให้การลงโทษ ประหารชีวิตตามกฎหมายของประเทศไทยถึงแม้เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แต่ก็ไม่เป็น การขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยเหตุที่กฎหมายระหว่างประเทศไม่ได้กําหนดข้อห้ามการ ลงโทษประหารชีวิต ส่วนความผูกพันตามกฎหมายภายในพบว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้รับการ ยอมรับและได้รับการคุ้มครองในรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและเป็นหลักประกัน ในสิทธิในชีวิตร่างกายซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังได้จํากัดอํานาจรัฐไว้ในมาตรา 26 ว่าการตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อ หลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและจะกระทบต่อ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้แต่พบว่ากฎหมายอาญา รวมทั้งกฎหมายพิเศษหลายฉบับมี บทบัญญัติลงโทษประหารชีวิต ซึ่งการลงโทษประหารชีวิตถึงแม้จะเป็นมาตรการที่ทําให้บรรลุ วัตถุประสงค์แห่งการลงโทษแต่เป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิในชีวิตอันเป็นการทําลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ของบุคคลซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐยอมรับและได้รับรองคุ้มครองไว้ดังนั้น บทบัญญัติการลงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายดังกล่าวจึงขัดต่อหลักการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ
ผู้เขียนเห็นว่า ควรมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบทลงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายอาญาและ กฎหมายพิเศษเป็นจําคุกตลอดชีวิตแทน และข้อค้นพบที่สําคัญคือ ถึงแม้กฎหมายระหว่างประเทศ และจารีตประเพณีระหว่างประเทศก็ไม่ได้ห้ามการลงโทษประหารชีวิต แต่ทิศทางในอนาคตจารีต ประเพณีระหว่างประเทศกําลังเป็นที่นิยมลัทธิการล้มเลิกการลงโทษประหารชีวิตมากขึ้น เหตุที่การ ลงโทษประหารชีวิตไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการมีสิทธิในชีวิตอันเป็น สิทธิที่มีมาโดยธรรมชาติการประหารชีวิตเป็นการทําลายคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่ากับเป็นการ ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงในภายหน้าในการยกเลิกโทษประหารชีวิตจะ ถูกดําเนินการภายใต้การยอมรับโดยจารีตประเพณีระหว่างประเทศ