ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
Files
Publisher
Issued Date
2017
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
116 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b201164
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
เมธาวี บุญพิทักษ์ (2017). ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5864.
Title
ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
Alternative Title(s)
The Well-Being of Elderly People and Industrial Development in Plaeng Yao District, Chachoengsao Province
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในชุมชนอันเนื่องมาจาก
การพัฒนาอุตสาหกรรมในอ าเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา 2) ศึกษาความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ
ในชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนที่ตั้งอยู่ห่างจากเขตนิคมอุตสาหกรรม และ
3) วิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมต่อความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในชุมชน
วิธีการศึกษาใช้แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research Approach) ท าการรวบรวม
ข้อมูลด้วยกรณีศึกษา (Case Study) และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non-participant
Observation) การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ(Informal Interview) กับผู้ให้ข้อมูลที่ส าคัญ
(Key Informant) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
การจัดหมวดหมู่ (Typology) การสังเคราะห์(Synthesis) และการตีความ (Interpretation
ผลการวิจัยพบว่าเดิมพื้นที่อำเภอแปลงยาวเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่การตั้งนิคม อุตสาหกรรมขึ้นมาในพื้นที่ตำบลหัวสำโรงได้ส่งผลให้พื้นที่ชุมชนโดยรอบบริเวณตำบลหัวสำโรงมีการ พัฒนาไปสู่การเป็นชุมชนเมือง มีการซื้อขายที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมการขยายตัว ของเมืองและการเก็งกำไรในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่ใช้สอยในครัวเรือนลดจำนวนลง ลักษณะครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นมีแรงงานต่างถิ่นเข้ามาพักอาศัยภายในชุมชนจำนวน มาก สมาชิกวัยแรงงานในครัวเรือนส่วนมากเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ตำบลหนองไม้ แก่นสมาชิกวัยแรงงานในชุมชนยังคงอยู่ในภาคเกษตรกรรมมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบชนบท ใช้ชีวิต แบบเรียบง่ายที่ดินในตำบลหนองไม้แก่นเป็นพื้นที่ในโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ทำให้ ชาวบ้านในชุมชนเข้าถึงทรัพยากรในการดำรงชีพได้มากแม้ลักษณะครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยวมาก ขึ้นเช่นเดียวกับในชุมชนหัวสำโรง แต่มีลักษณะการอยู่อาศัยโดยแยกไปสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ยังอย
ในละแวกเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่แตกต่างกันในชุมชนที่ศึกษานี้ส่งผลให้ความอยู่ดีมีสุข ของผู้สูงอายุระหว่างชุมชนมีความแตกต่างกัน
ผลการวิเคราะห์ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในทั้งสองชุมชน พบว่า มีการให้ความหมายของ ความอยู่ดีมีสุขหรือสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการอยากจะเป็นใกล้เคียงกัน คือ การได้รับความรักความเอาใจใส่ จากบุตรหลาน การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับญาติ เพื่อนบ้าน รวมทั้งคนในชุมชน การมีสุขภาพร่างกายดี การมีรายได้ที่เพียงพอกับการครองชีพ และการมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต ในขณะที่สภาพความเป็นอยู่ ในปัจจุบันมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่าง 2 ชุมชน การบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุใน 2 ชุมชนนี้จึงมีความแตกต่างกันด้วย กล่าวคือ ผู้สูงอายุในตำบลหนองไม้แก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ มีการบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขได้มากกว่าผู้สูงอายุในตำบลหัวสำโรงซึ่งอยู่ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ เพราะสามารถเข้าถึงและมีกระบวนการแปลงทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อการดำรงชีพ อันนำไปสู่การบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขได้มากกว่า
การพัฒนาอุตสาหกรรมส่งผลอย่างชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงในวิถีการดำเนินชีวิตและความ อยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างกันกับในชุมชนที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรม โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าถึงทรัพยากรด้านต่างๆ วิถีการดำรงชีพของสมาชิก ครอบครัวและผู้สูงอายุ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างสำคัญ
การพัฒนาอุตสาหกรรมส่งผลอย่างชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงในวิถีการดำเนินชีวิตและความ อยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างกันกับในชุมชนที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรม โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าถึงทรัพยากรด้านต่างๆ วิถีการดำรงชีพของสมาชิก ครอบครัวและผู้สูงอายุ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างสำคัญ
ข้อเสนอแนะที่สำคัญจากการวิจัยครั้งนี้ คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านผู้สูงอายุ ควรร่วมกับชุมชนทำการรณรงค์เพิ่มค่านิยมให้สมาชิกในครัวเรือนและชุมชนได้ตระหนักถึง ความสำคัญของผู้สูงอายุในครัวเรือน ทั้งในแง่ของการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีและการนำ ประสบการณ์ของผู้สูงอายุมาใช้ประโยชน์ในชุมชน อันจะช่วยเสริมสร้างความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ ต่อไป
ผลการวิจัยพบว่าเดิมพื้นที่อำเภอแปลงยาวเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่การตั้งนิคม อุตสาหกรรมขึ้นมาในพื้นที่ตำบลหัวสำโรงได้ส่งผลให้พื้นที่ชุมชนโดยรอบบริเวณตำบลหัวสำโรงมีการ พัฒนาไปสู่การเป็นชุมชนเมือง มีการซื้อขายที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมการขยายตัว ของเมืองและการเก็งกำไรในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่ใช้สอยในครัวเรือนลดจำนวนลง ลักษณะครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นมีแรงงานต่างถิ่นเข้ามาพักอาศัยภายในชุมชนจำนวน มาก สมาชิกวัยแรงงานในครัวเรือนส่วนมากเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ตำบลหนองไม้ แก่นสมาชิกวัยแรงงานในชุมชนยังคงอยู่ในภาคเกษตรกรรมมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบชนบท ใช้ชีวิต แบบเรียบง่ายที่ดินในตำบลหนองไม้แก่นเป็นพื้นที่ในโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ทำให้ ชาวบ้านในชุมชนเข้าถึงทรัพยากรในการดำรงชีพได้มากแม้ลักษณะครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยวมาก ขึ้นเช่นเดียวกับในชุมชนหัวสำโรง แต่มีลักษณะการอยู่อาศัยโดยแยกไปสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ยังอย
ในละแวกเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่แตกต่างกันในชุมชนที่ศึกษานี้ส่งผลให้ความอยู่ดีมีสุข ของผู้สูงอายุระหว่างชุมชนมีความแตกต่างกัน
ผลการวิเคราะห์ความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในทั้งสองชุมชน พบว่า มีการให้ความหมายของ ความอยู่ดีมีสุขหรือสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการอยากจะเป็นใกล้เคียงกัน คือ การได้รับความรักความเอาใจใส่ จากบุตรหลาน การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับญาติ เพื่อนบ้าน รวมทั้งคนในชุมชน การมีสุขภาพร่างกายดี การมีรายได้ที่เพียงพอกับการครองชีพ และการมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต ในขณะที่สภาพความเป็นอยู่ ในปัจจุบันมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่าง 2 ชุมชน การบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุใน 2 ชุมชนนี้จึงมีความแตกต่างกันด้วย กล่าวคือ ผู้สูงอายุในตำบลหนองไม้แก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ มีการบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขได้มากกว่าผู้สูงอายุในตำบลหัวสำโรงซึ่งอยู่ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ เพราะสามารถเข้าถึงและมีกระบวนการแปลงทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อการดำรงชีพ อันนำไปสู่การบรรลุถึงความอยู่ดีมีสุขได้มากกว่า
การพัฒนาอุตสาหกรรมส่งผลอย่างชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงในวิถีการดำเนินชีวิตและความ อยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างกันกับในชุมชนที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรม โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าถึงทรัพยากรด้านต่างๆ วิถีการดำรงชีพของสมาชิก ครอบครัวและผู้สูงอายุ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างสำคัญ
การพัฒนาอุตสาหกรรมส่งผลอย่างชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงในวิถีการดำเนินชีวิตและความ อยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุในชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างกันกับในชุมชนที่อยู่ห่างจาก นิคมอุตสาหกรรม โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าถึงทรัพยากรด้านต่างๆ วิถีการดำรงชีพของสมาชิก ครอบครัวและผู้สูงอายุ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างสำคัญ
ข้อเสนอแนะที่สำคัญจากการวิจัยครั้งนี้ คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านผู้สูงอายุ ควรร่วมกับชุมชนทำการรณรงค์เพิ่มค่านิยมให้สมาชิกในครัวเรือนและชุมชนได้ตระหนักถึง ความสำคัญของผู้สูงอายุในครัวเรือน ทั้งในแง่ของการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีและการนำ ประสบการณ์ของผู้สูงอายุมาใช้ประโยชน์ในชุมชน อันจะช่วยเสริมสร้างความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ ต่อไป