พลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม
dc.contributor.advisor | พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต | th |
dc.contributor.author | ชลธิชา ชัยศิริรัตน์ | th |
dc.date.accessioned | 2022-06-27T03:40:31Z | |
dc.date.available | 2022-06-27T03:40:31Z | |
dc.date.issued | 2017 | th |
dc.date.issuedBE | 2560 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (ปร.ด. (พัฒนาสังคมและการจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560 | th |
dc.description.abstract | การศึกษาการปฏิรูประบบราชการของไทยซึ่งดำรงอยู่ต่อเนื่องยาวนานควบคู่ไปกับบริบททางสังคมและการเมืองไทยมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ได้ฉายภาพให้เห็นพลวัตของการปฏิรูประบบราชการ ที่มีความเคลื่อนไหวในมิติต่างๆ อยู่ตลอดเวลา มีการใช้ถ้อยแถลงที่แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย และมีปฏิบัติการทางวาทกรรมอย่างสลับซับซ้อน การศึกษาเรื่องพลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม เป็นการศึกษาการก่อตัวของวาทกรรมการปฏิรูประบบราชการ บริบทและสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลให้เกิดการก่อตัวความสัมพันธ์ระหว่างวาทกรรมกับปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจในการปฏิรูประบบราชการ การดำรงอยู่ การล่มสลาย และปฏิบัติการทางวาทกรรมที่ปรากฏอยู่ในการปฏิรูประบบราชการในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งผู้ศึกษาได้จำแนกการปฏิรูประบบราชการของไทยแบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ 1) การรับมือกับยุคอาณานิคม 2) การพัฒนาความทันสมัย และ 3) การเตรียมเข้าสู่โลกาภิวัตน์โดยใช้แนวทางในการศึกษาวาทกรรมเชิงโบราณคดีและวงศาวิทยาของมิเชล ฟูโกต์มาใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ การศึกษานี้จึงประกอบไปด้วยการก่อตัวของแนวคิดว่าด้วยการปฏิรูประบบราชการ ปฏิบัติการทางวาทกรรมที่สร้างความหมายให้แก่การปฏิรูประบบราชการ และความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่แทรกแซงไปถึงระดับความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในสังคม การปฏิรูประบบราชการในยุคการรับมือกับยุคอาณานิคม ทำให้เห็นว่าในช่วงก่อนการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2435 มีปฏิบัติการทางวาทกรรมที่สร้างความหมายให้แก่การปฏิรูประบบราชการในหลายมิติ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของกษัตริย์การเปลี่ยนแปลงแนวคิด แนวคิดเรื่องรัฐที่เป็นพื้นฐานของแนวคิดเรื่องรัฐบาลในเวลาต่อมา การกำหนดกฎเกณฑ์และขอบเขตในการผลิตความรู้ความจริงที่แตกต่างจากในอดีต โดยมีกษัตริย์เป็นผู้นำทางภูมิปัญญาและมีอำนาจอันชอบธรรมในการพูด การเปลี่ยนแปลงภายหลังการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2435 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและการบริหารแล้ว มีกระบวนการผลิตคนเพื่อรองรับระบบราชการแบบรวมศูนย์ เนื่องจากคนในระบบราชการแบบเก่าไม่สามารถตอบสนองภารกิจตามโครงสร้างใหม่ที่ต้องใช้ความรู้แบบใหม่อย่างไรก็ตามการผลิตคนดังกล่าวแฝงไปด้วยเรื่องสำคัญกว่านั่นคือเรื่องความไว้วางใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเข้ารับราชการมีการสร้างกระบวนการขัดเกลา อบรมสั่งสอนปัจเจกบุคคลให้เกิดความจงรักภักดีและระบบกำกับ ติดตาม และควบคุมการทำงานให้อยู่ภายใต้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และกรอบของวาทกรรม การปฏิรูประบบราชการในยุคการพัฒนาความทันสมัยเป็นการศึกษาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงยุคระบอบสฤษดิ์ ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยและการก่อตัวของการพัฒนาแบบทันสมัย ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการต่อสู้ช่วงชิงการนำระหว่างวาทกรรมที่เคยมีสถานะเป็นวาทกรรมกระแสหลัก กับวาทกรรมใหม่การสร้างกลไกรัฐเพื่อปฏิบัติตามแผนและควบคุม การสถาปนากลไกและระบบเศรษฐกิจที่มีความทันสมัยเป็นตัวชี้วัด ถูกทำให้กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำรงอยู่ด้วยความรู้/ความจริงที่ถูกสร้างขึ้น การปฏิรูประบบราชการเพื่อเตรียมการเข้าสู่โลกาภิวัตน์ตั้งแต่ได้รับอิทธิพลแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่จากตะวันตกจนมาสู่การปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2545 ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและระบบการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อเผชิญกับกระแสโลกาภิวัตน์ที่กลายเป็นเหตุผลความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิผล มีการนำองค์ความรู้การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่มาใช้เป็นแหล่งอำนาจและปฏิบัติการทางวาทกรรม ทว่าผลลัพธ์ของการปฏิรูประบบราชการในระยะนี้กลับกลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายจึงเผยให้เห็นอำนาจของวาทกรรมที่บดบังซ่อนเร้นการกระทำบางอย่างที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงหรือพูดออกมา จากการศึกษาทำให้เข้าใจว่า ปฏิบัติการทางวาทกรรมของการปฏิรูประบบราชการมีพลวัตสูง ซึ่งก่อตัวขึ้นจากการเผชิญปัญหาใหม่ในแต่ละยุค ที่วาทกรรมชุดเดิมไม่อาจสร้างความชอบธรรมแก่การครองอำนาจของรัฐไทยได้เพียงพออีกต่อไป วาทกรรมชุดใหม่จึงถูกสร้างขึ้นมาทดแทน เพื่อกำหนดโครงสร้าง บริบทอ านาจ และความชอบธรรมแบบใหม่ขึ้นมา ทว่าไม่ว่ากลุ่มอำนาจนำจะใช้วาทกรรมแบบใด สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมากลับเป็นการล่อลวงให้ติดกับดัก และดูดกลืนผู้คนเข้าไปในหลุมดำชีวอำนาจ การศึกษานี้จึงเป็นการสร้างความเข้าใจกระบวนการปฏิรูประบบราชการเพื่อนำไปผลักดันให้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ที่ทำให้การปฏิรูประบบราชการเป็นการกระทำไปเพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่ายในสังคม | th |
dc.format.extent | 296 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2017.170 | |
dc.identifier.other | b199278 | th |
dc.identifier.uri | https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5930 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject.other | การปฏิรูประบบราชการ | th |
dc.title | พลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม | th |
dc.title.alternative | Dynamic of bureaucratic reform: interaction between power and discourse | th |
dc.type | text--thesis--doctoral thesis | th |
mods.genre | Dissertation | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม | th |
thesis.degree.discipline | พัฒนาสังคมและการจัดการสิ่งแวดล้อม | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Doctoral | th |
thesis.degree.name | ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต | th |