พลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม
Publisher
Issued Date
2017
Issued Date (B.E.)
2560
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
296 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b199278
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ชลธิชา ชัยศิริรัตน์ (2017). พลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5930.
Title
พลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม
Alternative Title(s)
Dynamic of bureaucratic reform: interaction between power and discourse
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาการปฏิรูประบบราชการของไทยซึ่งดำรงอยู่ต่อเนื่องยาวนานควบคู่ไปกับบริบททางสังคมและการเมืองไทยมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ได้ฉายภาพให้เห็นพลวัตของการปฏิรูประบบราชการ ที่มีความเคลื่อนไหวในมิติต่างๆ อยู่ตลอดเวลา มีการใช้ถ้อยแถลงที่แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย และมีปฏิบัติการทางวาทกรรมอย่างสลับซับซ้อน การศึกษาเรื่องพลวัตการปฏิรูประบบราชการ: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจและวาทกรรม เป็นการศึกษาการก่อตัวของวาทกรรมการปฏิรูประบบราชการ บริบทและสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลให้เกิดการก่อตัวความสัมพันธ์ระหว่างวาทกรรมกับปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจในการปฏิรูประบบราชการ การดำรงอยู่ การล่มสลาย และปฏิบัติการทางวาทกรรมที่ปรากฏอยู่ในการปฏิรูประบบราชการในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งผู้ศึกษาได้จำแนกการปฏิรูประบบราชการของไทยแบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ 1) การรับมือกับยุคอาณานิคม 2) การพัฒนาความทันสมัย และ 3) การเตรียมเข้าสู่โลกาภิวัตน์โดยใช้แนวทางในการศึกษาวาทกรรมเชิงโบราณคดีและวงศาวิทยาของมิเชล ฟูโกต์มาใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ การศึกษานี้จึงประกอบไปด้วยการก่อตัวของแนวคิดว่าด้วยการปฏิรูประบบราชการ ปฏิบัติการทางวาทกรรมที่สร้างความหมายให้แก่การปฏิรูประบบราชการ และความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่แทรกแซงไปถึงระดับความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในสังคม
การปฏิรูประบบราชการในยุคการรับมือกับยุคอาณานิคม ทำให้เห็นว่าในช่วงก่อนการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2435 มีปฏิบัติการทางวาทกรรมที่สร้างความหมายให้แก่การปฏิรูประบบราชการในหลายมิติ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของกษัตริย์การเปลี่ยนแปลงแนวคิด แนวคิดเรื่องรัฐที่เป็นพื้นฐานของแนวคิดเรื่องรัฐบาลในเวลาต่อมา การกำหนดกฎเกณฑ์และขอบเขตในการผลิตความรู้ความจริงที่แตกต่างจากในอดีต โดยมีกษัตริย์เป็นผู้นำทางภูมิปัญญาและมีอำนาจอันชอบธรรมในการพูด การเปลี่ยนแปลงภายหลังการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2435 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและการบริหารแล้ว มีกระบวนการผลิตคนเพื่อรองรับระบบราชการแบบรวมศูนย์ เนื่องจากคนในระบบราชการแบบเก่าไม่สามารถตอบสนองภารกิจตามโครงสร้างใหม่ที่ต้องใช้ความรู้แบบใหม่อย่างไรก็ตามการผลิตคนดังกล่าวแฝงไปด้วยเรื่องสำคัญกว่านั่นคือเรื่องความไว้วางใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเข้ารับราชการมีการสร้างกระบวนการขัดเกลา อบรมสั่งสอนปัจเจกบุคคลให้เกิดความจงรักภักดีและระบบกำกับ ติดตาม และควบคุมการทำงานให้อยู่ภายใต้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และกรอบของวาทกรรม การปฏิรูประบบราชการในยุคการพัฒนาความทันสมัยเป็นการศึกษาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงยุคระบอบสฤษดิ์ ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยและการก่อตัวของการพัฒนาแบบทันสมัย ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการต่อสู้ช่วงชิงการนำระหว่างวาทกรรมที่เคยมีสถานะเป็นวาทกรรมกระแสหลัก กับวาทกรรมใหม่การสร้างกลไกรัฐเพื่อปฏิบัติตามแผนและควบคุม การสถาปนากลไกและระบบเศรษฐกิจที่มีความทันสมัยเป็นตัวชี้วัด ถูกทำให้กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำรงอยู่ด้วยความรู้/ความจริงที่ถูกสร้างขึ้น การปฏิรูประบบราชการเพื่อเตรียมการเข้าสู่โลกาภิวัตน์ตั้งแต่ได้รับอิทธิพลแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่จากตะวันตกจนมาสู่การปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2545 ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและระบบการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อเผชิญกับกระแสโลกาภิวัตน์ที่กลายเป็นเหตุผลความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิผล มีการนำองค์ความรู้การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่มาใช้เป็นแหล่งอำนาจและปฏิบัติการทางวาทกรรม ทว่าผลลัพธ์ของการปฏิรูประบบราชการในระยะนี้กลับกลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายจึงเผยให้เห็นอำนาจของวาทกรรมที่บดบังซ่อนเร้นการกระทำบางอย่างที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงหรือพูดออกมา
จากการศึกษาทำให้เข้าใจว่า ปฏิบัติการทางวาทกรรมของการปฏิรูประบบราชการมีพลวัตสูง ซึ่งก่อตัวขึ้นจากการเผชิญปัญหาใหม่ในแต่ละยุค ที่วาทกรรมชุดเดิมไม่อาจสร้างความชอบธรรมแก่การครองอำนาจของรัฐไทยได้เพียงพออีกต่อไป วาทกรรมชุดใหม่จึงถูกสร้างขึ้นมาทดแทน เพื่อกำหนดโครงสร้าง บริบทอ านาจ และความชอบธรรมแบบใหม่ขึ้นมา ทว่าไม่ว่ากลุ่มอำนาจนำจะใช้วาทกรรมแบบใด สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมากลับเป็นการล่อลวงให้ติดกับดัก และดูดกลืนผู้คนเข้าไปในหลุมดำชีวอำนาจ การศึกษานี้จึงเป็นการสร้างความเข้าใจกระบวนการปฏิรูประบบราชการเพื่อนำไปผลักดันให้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ที่ทำให้การปฏิรูประบบราชการเป็นการกระทำไปเพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่ายในสังคม
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ปร.ด. (พัฒนาสังคมและการจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560